“กรุงไทย” ครึ่งปีแรก 68 ฟันกำไร 22,835 ล้านบาท
“กรุงไทย” ครึ่งปีแรก 68 ฟันกำไร

“กรุงไทย” ครึ่งปีแรก 68 ฟันกำไร 22,835 ล้านบาท ลดลง 2.17% เทียบกับ ระยะเดียวกันปี 2567 นโยบายครึ่งหลังปี  เน้นดูแล คุณภาพสินทรัพย์ อย่างระมัดระวัง  เร่งช่วยลูกค้าแก้หนี้ และ ปรับตัวอย่างยั่งยืน

ผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงไทย ดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ ที่วางไว้ ทำให้ในครึ่งแรกของปี 2568 มีกำไรสุทธิ 22,835 ล้านบาท ลดลง 2.17% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี 2567 ที่มีกำไรสุทธิ 23,473.85 ล้านบาท

โดยในไตรมาสสอง ของปี 2568 ธนาคาร มีกำไรสุทธิ 11,122 ล้านบาท ลดลง 5.72% เมื่อเทียบกับไตรมาสสอง ของปี 2567 ในขณะที่ แผนในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 ผยง กล่าวว่า ธนาคารเน้นดูแลคุณภาพสินทรัพย์ อย่างระมัดระวัง รักษาระดับ Coverage Ratio ในระดับสูง รองรับ ภาวะเศรษฐกิจที่มีความท้าทายรอบด้าน

เร่งช่วยเหลือลูกค้าแก้ไขปัญหาหนี้ และ ปรับตัวเดินหน้าต่อได้ อย่างยั่งยืน โดย Fitch  Ratingsปรับเพิ่มอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินเป็น bbb

สะท้อนสถานะของธนาคารฯ ที่สามารถปรับตัวได้อย่างต่อเนื่องและมีคุณภาพ ให้ความสำคัญกับStakeholders ได้อย่างครอบคลุมและสมดุล

เศรษฐกิจไทยในครึ่งแรกของปี  2568 ยังขยายตัวได้โดยเฉพาะ จากการเร่ง ส่งออกสินค้า ก่อนสหรัฐฯ ปรับอัตราภาษีศุลกากรสูงขึ้น

ส่วนในครึ่งปีหลัง  ต้องเตรียมรับมือกับ ภาษีศุลกากรที่อาจจะสูงขึ้น มากกว่า 2 เท่าตัว กระทบกับ ความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

คาดว่าจะทำให้การส่งออก สินค้าไทย ชะลอตัว และ สินค้าที่มีอุปทานส่วนเกิน ในต่างประเทศเข้ามาตีตลาด ในประเทศ เพิ่มขึ้น กระทบผู้ประกอบการ ห่วงโซ่อุปทาน และ แรงงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งโดยตรงและโดยอ้อม

ขณะที่ภาคการท่องเที่ยว ที่เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ของเศรษฐกิจไทย เริ่มชะลอตัว

นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทย ที่ยังคงมีความเปราะบาง จากปัญหาเชิงโครงสร้าง โดยเฉพาะ หนี้ครัวเรือน และ เศรษฐกิจนอกระบบที่อยู่ในระดับสูง ท่ามกลางพายุแห่งการ  เปลี่ยนแปลงของโลกครั้งใหญ่ที่มีผลกระทบกับชีวิตผู้คน สังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อมและประเทศ” ผยง กล่าว

ครึ่งปีหลัง ยุทธศาสตร์ระมัดระวัง

จากสถานการณ์ดังกล่าว ผยง กล่าวว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี ธนาคารดำเนินธุรกิจตาม ยุทธศาสตร์ด้วยความระมัดระวัง พร้อมรับมือกับความไม่แน่นอน

โดยให้  ความสำคัญกับการช่วยเหลือ ลูกค้าทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ที่รายได้ ที่ฟื้นตัวไม่เต็มที่ สนับสนุนการเร่ง  ปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ  ผ่านโครงการคุณสู้ เราช่วย เฟส2 ที่ได้ปรับเงื่อนไข  ให้สามารถช่วยเหลือ ลูกหนี้รายย่อยและ SME กลุ่มเปราะบางได้มากขึ้น

ครอบคลุมกลุ่มที่เป็น NPL และ กลุ่มเปราะบางที่ยัง ไม่เป็น NPL แต่มีสัญญาณอ่อนแอ ให้สามารถประคองตัว รักษาสินทรัพย์สำคัญ กับ ความมั่นคงของครอบครัว ป้องกันไม่ให้มีปัญหาสังคม และ ความเหลื่อมล้ำทวีความรุนแรงขึ้น

ซึ่งเพิ่มเติมจากมาตรการอื่นๆ ที่ธนาคารดำเนินการมาต่อเนื่อง ทั้งการลดภาระทางการเงินให้ลูกค้า ผ่านสินเชื่อรวมหนี้ข้าราชการยั่งยืน และ สินเชื่อกรุงไทยรวมหนี้ (ภาคประชาชน) สินเชื่อกรุงไทยบ้านแลกเงิน  พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ทันสมัย สนับสนุนลูกค้าปรับตัว ฟื้นฟูกิจการ สร้างโอกาสจากความท้าทาย  และเปลี่ยนผ่านไปสู่ธุรกิจยั่งยืนตามแนวทาง ESG

รวมถึงส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบที่เป็นธรรมอย่างทั่วถึง โดยยึดมั่นในแนวทางการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้อย่างยั่งยืน และขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไปได้

“กรุงไทย” ครึ่งปีแรก 68 ฟันกำไร 22,835 ลบ.

ในขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2/2568 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2567 ธนาคารจัดการคุณภาพสินทรัพย์อย่างระมัดระวัง บริหาร NPL ได้ดีที่ 2.94% เทียบกับ 2.99% จากสิ้นปีที่ผ่านมา รักษา Coverage Ratio ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องที่194.1% รองรับ สภาวะเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูง ตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในระดับที่เหมาะสม และ รอบคอบ  ธนาคารมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร เท่ากับ 11,122  ล้านบาท โดยรายได้จากการดำเนินงาน อยู่ในระดับทรงตัว เป็นผลจากสภาวะดอกเบี้ย และ การปรับอัตราดอกเบี้ย เพื่อประคับประคองลูกค้า ส่งผลให้ รายได้ดอกเบี้ยสุทธิปรับตัวลดลง ในขณะที่สินเชื่อเติบโต  4.4  %  จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา จากสินเชื่อรายย่อยและสินเชื่อภาครัฐ และการให้ความสำคัญกับ portfolio ที่มีความสมดุลด้านความเสี่ยงและผลตอบแทน ธนาคารยังคงมุ่งเน้นการให้บริการ Wealth Management ประกอบกับการขยายตัวของรายได้จากธุรกิจตลาดเงินตลาดทุนและเงินลงทุนที่เป็นไปตามสภาวะตลาด พร้อมบริหารจัดการค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพโดยมี Cost to Income ratio ที่ร้อยละ 42.3

เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1/2568  กำไรส่วนที่เป็นของธนาคารลดลง 5.1 % จากสภาวะดอกเบี้ยและการปรับอัตราดอกเบี้ยเพื่อช่วยสนับสนุนให้ลูกค้าฟื้นตัวได้

ในขณะที่รายได้อื่นขยายตัวโดยหลักจาก Wealth Management และธุรกิจตลาดเงินตลาดทุนในภาวะที่ตลาดมีความผันผวนสูง มีการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายองค์รวม และการตั้งสำรองในระดับที่เหมาะสม ธนาคารมีสินเชื่อขยายตัว 0.4 % โดยยังคงรักษาสมดุลของ portfolio และรักษา Coverage Ratio ในระดับสูง

โดยรวมผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 เทียบกับช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ธนาคารและบริษัทย่อยมีรายได้จากการดำเนินงานลดลง 1.1 % จากสภาวะดอกเบี้ยและการปรับอัตราดอกเบี้ยเพื่อประคับประคองลูกค้า

แม้ว่ารายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยยังคงเติบโต ธนาคารบริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมี Cost to Income ratio เท่ากับ 41.3% และตั้งสำรองฯ ในระดับที่เหมาะสม โดยมีกำไรส่วนที่เป็นของธนาคารเท่ากับ  22,836  ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 2.7%

ฐานะทางการเงินยัง “แข็งแกร่ง”

 

ณ 30 มิถุนายน 2568 ธนาคาร (งบเฉพาะธนาคาร) มีเงินกองทุนชั้นที่ 1 ร้อยละ19.28 และเงินกองทุนทั้งสิ้น  21.28 % ซึ่งอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย

รวมถึงมีสภาพคล่องในระดับที่เพียงพอโดยรักษาระดับของ Liquidity Coverage ratio (LCR) อย่างต่อเนื่อง สูงกว่าเกณฑ์ที่ธปท.กำหนด

ในวันที่ 24 มิถุนายน 2568 บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ Fitch Ratings ได้ประกาศคงอันดับเครดิตสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของธนาคารที่ BBB+ และ อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ AAA(tha)

พร้อมปรับเพิ่มอันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน (Viability Rating) เป็น ‘bbb’ จาก ‘bbb-‘ สะท้อนสถานะของธนาคารฯที่สามารถปรับตัวได้อย่างต่อเนื่องและมีคุณภาพ

ในปี 2568   ธนาคารมุ่งมั่นขับเคลื่อนองค์กร ภายใต้แนวคิด “Corporate Value Creation เสริมทักษะ สร้างคุณค่า สู่อนาคต”  เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ ผ่าน 5 ยุทธศาสตร์หลัก  ที่มุ่งเน้นการเพิ่มรายได้ ลดต้นทุน บริหารจัดการความเสี่ยงจากคุณภาพสินเชื่อ  เพิ่มขีดความสามารถและประสิทธิภาพของพนักงานซึ่งเป็นหัวใจขององค์กร

พร้อมให้ความสำคัญกับ Stakeholders ได้อย่างครอบคลุมและสมดุล  โดยล่าสุด ธนาคารและกลุ่มพันธมิตร ได้รับใบอนุญาตเพื่อประกอบธุรกิจธนาคารไร้สาขา (Virtual Bank) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นับเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการร่วมมือเชิงกลยุทธ์  ผสานความแข็งแกร่ง สร้างสรรค์บริการทางการเงินที่ก้าวข้ามข้อจำกัดในรูปแบบเดิม ใช้ประโยชน์จากข้อมูลทางเลือก (Alternative Data) สนับสนุนการเข้าถึงบริการทางการเงินอย่างทั่วถึง ลดความเหลื่อมล้ำอย่างตรงจุด

สนับสนุนเศรษฐกิจและภาคครัวเรือนให้เข้าสู่ระบบ ตอบโจทย์การแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างอย่างยั่งยืนและมีเสถียรภาพให้กับประเทศ   นำไปสู่การสร้างความสามารถในการแข่งขันและการเติบโตที่แข็งแกร่งในอนาคต ท่ามกลางแรงกดดันอย่างหนักต่อเศรษฐกิจไทย

และผลกระทบต่อธุรกิจธนาคารในด้านการเติบโตและคุณภาพของสินเชื่อ โดยในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 เศรษฐกิจจะอ่อนแรงลง และมีโอกาสที่อาจจะขยายตัวต่ำกว่า 1% ส่วนมูลค่าการส่งออกอาจหดตัวกว่า 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน  ขณะที่ปี 2569 เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่า 2%

 

ที่มาของข้อมูล : https://www.set.or.th/ , https://krungthai.com/

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : https://bangkokx.me/richers-forbes-03072025/

[addtoany]
Ellipse 1
กองบรรณาธิการ Bangkok X