
พลังอาเซียน ขับเคลื่อน เศรษฐกิจ ดิจิทัล เพิ่มขีดแข่งขัน ในระดับภูมิภาค ทุกประเทศ เตรียมพร้อมรับมือ การค้าโลก ด้วยการประสานพลังภายในร่วมกัน
จากเวทีสัมมนา ASEAN Forum 2025 จัดโดย สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (Thai Management Association หรือ TMA) ในหัวข้อ ASEAN in Unity : The Perfect Timing อาเซียนเป็นหนึ่ง: จังหวะเวลาที่สมบูรณ์แบบ และ The Next ASEAN Driving Force: Innovation & Technology: พลังขับเคลื่อนใหม่แห่งอาเซียน : นวัตกรรมและเทคโนโลยี ผู้นำธุรกิจและบริษัทที่ปรึกษาชั้นนำระดับภูมิภาค เชื่อมั่นพลังอาเซียนสามารถสร้างแรงกระเพื่อมและขับเคลื่อนภูมิภาคสู่ความแข็งแกร่งและยั่งยืน ทุกประเทศต้องเตรียมพร้อมโดยร่วมกันดึงประโยชน์จากนวัตกรรมและดิจิทัลเทคโนโลยี
พลังอาเซียน ขับเคลื่อน เศรษฐกิจ ดิจิทัล เพิ่มขีดแข่งขัน

จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด กล่าวในหัวข้อ “The Next ASEAN Driving Force: Innovation & Technology ว่า “โลกไม่เหมือนเดิม เราต้องพูดถึงโลกใหม่ สงครามภาษี พหุภาคี ซึ่งอาเซียนมี ขนาดเศรษฐกิจใหญ่ อันดับ 4 ของโลก ต้องสร้างมาตรฐานด้านเทคโนโลยี เช่น โมบายแบงกิ้ง ที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ประเทศไทยกำลังมุ่งหน้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัล พร้อมก้าวสู่แพลตฟอร์มดิจิทัลมากขึ้น Bitkub เริ่มธุรกิจเมื่อ 13 ปีก่อน เป็น Startup คลื่นลูกแรก ของ คริปโทเคอร์เรนซี ที่ประสบสำเร็จ ทั้งด้าน รายได้และกำไร
โดยความสำเร็จดังกล่าว มาจากการมี กฎหมาย และ กฎระเบียบรองรับ มีการออกใบอนุญาตสินทรัพย์ดิจิทัล มีการแลกเปลี่ยนซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ทำให้ธุรกิจสามารถเติบโตและขยายตัวได้”จิรายุส กล่าวและเพิ่มเติมว่า
“ทั้งนี้ กลยุทธ์ การสร้างการเติบโต ของ Bitkub มาจาก การพัฒนานวัตกรรม ที่โดดเด่น ที่เอื้อกับระบบที่มีอยู่ เช่นต้องมี กฎหมายรองรับ เช่น ธุรกิจจองห้องพัก Airbnb ไม่ประสบความสำเร็จ ในไทย เพราะ ไม่มี กฎหมายรองรับ หรือ ธุรกิจบริการของ Grab ที่เข้ามาจนคนนิยมก่อน แล้วกฎหมายตามมาทีหลัง
ทำให้นักธุรกิจไทย ไม่สามารถแข่งขันได้ เพราะ ต้องรอกฎหมาย แล้วยังต้องมี การพัฒนาบุคลากร สายเทคโนโลยี เพื่อรองรับ ตลาดแรงงาน ที่กำลังเป็นที่ต้องการ
ขณะที่ มุมมองเรื่อง “บล็อกเชน” เป็นความก้าวหน้า ทางเทคโนโลยี เมื่อเทียบกับ 20 ปีที่ผ่านมา เปลี่ยนข้อมูลจากที่อยู่บนกระดาษ มาอยู่บนแพลตฟอร์มในยุคดิจิทัล โดยในด้าน “มูลค่า” ต้องอยู่ในรูปแบบที่จับต้องได้ เช่น ทอง หรือ กรรมสิทธิ์ และพันธบัตรที่สามารถทำเป็นดิจิทัลได้ โดย “บล็อกเชน” สามารถทำเป็นสำเนาดิจิทัล ไม่ต้องจ่ายเงินซ้ำซ้อน รวมถึง “โทเคน” ซึ่งมูลค่าจะอยู่ในรูปแบบดิจิทัล” จิรายุส กล่าว
พลังอาเซียน ขับเคลื่อน เศรษฐกิจ ดิจิทัล เสริมแกร่ง เกษตร อาหาร

ชาร์ล็อต โควารา (Ms. Charlotte Kowara) ประธานเจ้าหน้าที่พัฒนาศักยภาพองค์กร (Chief Empowerment Officer) บริษัท Accelerice ประเทศอินโดนีเซีย กล่าวว่า “อาเซียน เต็มไปด้วยความหลากหลาย ดังนั้นความสำเร็จใน การใช้เทคโนโลยี ต้องขึ้นอยู่กับ ความพร้อมของประเทศนั้นๆ ด้วย
อินโดนีเซีย เป็นศูนย์กลาง องค์ความรู้ ด้านเกษตรกรรม สิงคโปร์ เป็นประเทศขนาดเล็ก แต่เป็น เมืองอัจฉริยะ ในขณะที่ บางประเทศ มีข้อจำกัดเรื่อง โครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นช่องว่าง และ โอกาส แล ะเห็นว่ามีสัดส่วนกว่า 60% ของภูมิภาคมีความตื่นตัวในด้านดิจิทัล
การพัฒนาใน ภาคเกษตรกรรม ของอินโดนีเซีย ให้ความสำคัญ และ มุ่งเสริมพลังให้กับ ธุรกิจขนาดกลาง และ ขนาดย่อม เพื่อให้สามารถพัฒนาสินค้าไปสู่ ผู้บริโภคได้
เช่นเดียวกับ การเปลี่ยนวิธีการชำระเงินแบบเดิม สู่การชำระผ่านออนไลน์ และ แอปพลิเคชั่นในช่วงเกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งมี ประชาชน เข้าถึง มือถือ และ แพลตฟอร์ม มากขึ้น และ พยายามเข้าถึง ซัพพลายเชนและอี-คอมเมิร์ซได้มากขึ้น
ทำให้ตลาดอี-คอมเมิร์ซในประเทศเติบโต อย่างรวดเร็ว ที่สำคัญ คือ ระบบนี้ สามารถตัดพ่อค้าคนกลาง ออกไป ทำให้ธุรกิจเติบโต ได้มากขึ้น” ชาร์ล็อต กล่าวและเพิ่มเติมว่า
“ภาคเกษตรกรรม ถือเป็นหนึ่งในความท้าทาย ซึ่งพบผลผลิตเสียหายสูงถึง 20% จากปัญหาด้านโลจิสติกส์ อินโดนีเซีย เป็นประเทศขนาดใหญ่ จึงเห็นช่องว่าง ในการนำเทคโนโลยี มาช่วยลดการสูญเสีย
ขณะเดียวกันก็ยังเห็นโอกาส อีกมากมาย ในอุตสาหกรรม การแปรรูปอาหาร จากที่เห็น ความก้าวหน้า ในการพัฒนา ด้านบรรจุภัณฑ์ ของประเทศไทย และ หากได้รับความร่วมมือจาก ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ก็น่าจะสามารถพัฒนาอีโคซิสเต็ม ให้ผู้ประกอบการ SMEs มี สภาพแวดล้อมที่ดียิ่งขึ้นได้อีกด้วย”
ดึงประโยชน์จาก AI ยกระดับธุรกิจ

ฮานโน สเต็กมานน์ (Mr. Hanno Stegmann) กรรมการผู้อำนวยการและพาร์ทเนอร์ BCG X ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า “ดิจิทัลเทคโนโลยี ภาคเกษตร สร้างโอกาสในอีโคซิสเต็ม ของอุตสาหกรรมอาหาร โดยสามารถใช้ AI ช่วยวิเคราะห์ ด้านความเสี่ยง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน อย่างยั่งยืน
ขณะเดียวกัน ต้องยอมรับว่า อาเซียนยังต้องรับมือกับความไม่แน่นอน ทั้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ สงครามการค้า และ การขึ้นภาษี โดยต้องช่วยจัดการปัญหาต่างๆ และ แสวงหาโอกาสให้ลูกค้า
ซึ่งจุดนี้ เป็นข้อได้เปรียบของ บริษัทที่บริษัทอื่นไม่มี โดยภาคธุรกิจ ต้องเร่งพัฒนาโดยดึง AI หรือ Gen AI เข้ามาในทุกขั้นตอนของห่วงโซ่คุณค่า และทำความเข้าใจว่าปัญหาอยู่ตรงไหน มูลค่าที่ธุรกิจจะสามารถสร้างได้มากที่สุดอยู่ตรงไหน” สเต็กมานน์ กล่าว
Start up ผลักดันนวัตกรรม

อรนุช เลิศสุวรรณกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท เทคซอส มีเดีย จำกัด กล่าวว่า “บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับ สตาร์ทอัพ เพราะ กลุ่มนี้ไม่ได้เป็น แค่ธุรกิจเล็กๆ แต่เป็นตัวเร่งขับเคลื่อน ให้เกิดนวัตกรรม สตาร์ทอัพ ไม่ได้แข่งกับธุรกิจดั้งเดิม แต่เป็นการพัฒนาให้มีการเติบโต ในอีโคซิสเต็ม ที่ต้องร่วมมือกันพัฒนา และ เป็นเรื่องสำคัญเชิงกลยุทธ์ เพื่อช่วยเพิ่มความมั่นคงให้ ประเทศ และ เป็นเรื่องที่ต้องทำ
โดยเห็นว่า ปัจจุบันมีธุรกิจหลายเซ็กเตอร์ ที่เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ เช่น ธุรกิจสุขภาพ ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่ที่โซลูชัน ที่ใช้ในโรงพยาบาล เท่านั้น แต่ยังใช้ คาดการณ์อาการ ของผู้ป่วยก่อนล่วงหน้า โดยใช้ AI เข้ามาร่วม ในการวิเคราะห์ วางแผน เพิ่มประสิทธิภาพ การทำงาน
ซึ่งบริษัทมีจุดแข็ง ในการเตรียมความพร้อม และ ช่วยเพิ่มขีดความสามารถ ซึ่งขณะนี้ ทั้งใน เวียดนาม มาเลเซียและอินโดนีเซีย มีการทำงานร่วมกัน ของบริษัทสตาร์ทอัพ โดยบริษัท ให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs กลุ่มสตาร์ทอัพ และ บริษัทท้องถิ่นในไทย เป็นการทำงานร่วมกัน ของประเทศในอาเซียน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อม นวัตกรรมที่เชื่อมโยงกันโดยไม่แบ่งแยก” อรนุช กล่าวสรุป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : https://bangkokx.me/asean-forum-14062025/
ที่มาของข้อมูล : https://www.tma.or.th
