ผู้เชี่ยวชาญ แนะ ไทย เร่งเครื่อง เศรษฐกิจดิจิทัล
ผู้เชี่ยวชาญ แนะ ไทย เร่งเครื่อง เศรษฐกิจดิจิทัล

ผู้เชี่ยวชาญ แนะ ไทย เร่งเครื่อง เศรษฐกิจดิจิทัล ระบุ การพัฒนาของ “ไทย” ปัจจุบัน ตามหลัง “เวียดนาม”

ผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติ เผยกลุ่มประเทศใน อาเซียน กำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล อย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อยกระดับ ขีดความสามารถในการแข่งขัน ในยุคดิจิทัลเทคโนโลยี ที่เปลี่ยนแปลงเร็ว

โดยมีรัฐบาลเป็นแกนหลัก ขณะที่ ไทย ตามหลัง เวียดนาม ด้านผู้แทนภาครัฐ-เอกชน ร่วมระดมสมองวาง 8 แนวทาง เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลของไทย

ผู้เชี่ยวชาญ แนะ ไทย เร่งเครื่อง
คอลินน์ ดินน์

คอลินน์ ดินน์ (Mr. Colin Dinn) กรรมการผู้จัดการ บอสตัน คอนซัลติ้ง กรุ๊ป แพลติเนียน (BCG Platinion) บรรยายเรื่อง “Learning from the World Digital Best Practices” ในงานประชุมเชิงปฏิบัติการ “Call to Action: Learning from the Best Practices” ที่จัดโดย

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) และ สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) ร่วมกันจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ “Call to Action: Learning from the Best Practices” เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติและแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่ดี ว่า

ในปัจจุบันเทคโนโลยีดิจิทัลได้เข้ามามีบทบาทในการใช้งานทั้งในภาครัฐและเอกชน ในทุกมิติ หลายประเทศขับเคลื่อนสู่การเป็นเศรษฐกิจดิจิทัล รวมทั้งในอาเซียน ที่ภาครัฐกำหนดนโยบายในการขับเคลื่อนประเทศเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัล รวมทั้งรัฐบาลไทย

“จากประสบการณ์ของผมในอาเซียน สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล เป็นอันดับหนึ่ง ตามมาด้วยมาเลเซีย และที่น่าแปลกใจคือ อันดับสามคือเวียดนาม และไทยเป็นอันดับ 4  เศรษฐกิจเวียดนามมีการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลที่มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานและบุคลากรในด้านเทคโนโลยี ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจของเวียดนามเติบโตอย่างรวดเร็ว” ดินน์ กล่าว

ดินน์ ระบุว่า การที่จะพัฒนา เศรษฐกิจดิจิทัล ต้องเริ่มขับเคลื่อน ตั้งแต่นโยบายของรัฐบาล ในการวางกลยุทธ์ และเป้าหมายที่ชัดเจน รวมทั้งการพัฒนา โครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสม เพื่อรองรับกับเทคโนโลยี และ ตอบโจทย์กับการพัฒนาเทคโนโลยีของภาคเอกชน

อย่างประเทศไทย มีเป้าหมายใน การขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล สิ่งที่สำคัญคือ ต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน ในการพัฒนา มีการบูรณาการการทำงานร่วมกัน โดยคำนึงถึง ความต้องการของประชาชน (Citizen-centric services)

รวมไปถึงการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพในการใช้เครื่องมือดิจิทัลต่าง ๆ รวมไปถึงการบริหารจัดการและวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเป็นรัฐบาลดิจิทัล (Digital Government) และเศรษฐกิจดิจิทัล

ผู้เชี่ยวชาญ แนะ ไทย เร่งเครื่อง เศรษฐกิจดิจิทัล

พรกนก วิภูษณวรรณ ผู้อำนวยการ ศูนย์เพื่อการพัฒนาความสามารถในการแข่งขัน สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) กล่าวถึงการจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ว่า  การสัมมนาที่ผ่านมาได้เปิดมุมมองสำคัญใน 4 ประเด็นคือ

  1. การพัฒนาศักยภาพของบุคลากร (Digital workforce & Talent)
  2. การขับเคลื่อนรัฐบาลดิจิทัล (Digital Government โดยคำนึงถึงการพัฒนาโครงสร้างและการให้บริการ
  3. การนำเทคโนโลยี AI (Artificial Intelligence) มาใช้และการกำกับดูแล
  4. การพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์ม และ E-commerce

“เวทีการประชุมเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้เป็นการต่อยอดจากงานสัมมนา โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการระดมสมอง เพื่อนำความคิดเห็นไปใช้ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัล” พรกนก กล่าว

พณัญญา เจริญสวัสดิ์พงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท วรุณา (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้ดำเนินการประชุมเชิงปฏิบัติการ กล่าวถึง แนวทางการประชุมเชิงปฏิบัติการ การขับเคลื่อนประเทศสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลและเศรษฐกิจดิจิทัล ต้องให้ความสำคัญทั้ง 4 ประเด็น คือ

การพัฒนาศักยภาพของบุคลากร (Digital Workforce & Talent), การขับเคลื่อนรัฐบาลดิจิทัล (Digital Government) โดยคำนึงถึงการพัฒนาโครงสร้างและการให้บริการ, การนำเทคโนโลยี AI (Artificial Intelligence) มาใช้และการกำกับดูแล, การพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์ม และ E-commerce ที่ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน ต้องนำมาถกเถียงกัน ในเรื่องของปัญหาและแนวทางการแก้ไข เพื่อจัดทำเป็นแนวทางปฏิบัติในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไปสู่การเป็นเศรษฐกิจดิจิทัล

รัฐ -เอกชน เสนอวิสัยทัศน์ ขับเคลื่อน เศรษฐกิจดิจิทัล

 

ผลจากการร่วมระดมความคิดของผู้เข้าร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการ ใน 4 ประเด็น ดังกล่าว ได้นำเสนอ วิสัยทัศน์ และแนวทางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัล ดังนี้

  1. ด้านของการพัฒนาศักยภาพของบุคลากร (Digital Workforce & Talent) ได้แก่

1.1 การให้คนสามารถทำงานร่วมกันกับ AI ได้ เพราะต้องยอมรับว่า AI มาแล้ว และมีส่วนช่วยในการทำงานของคนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

1.2 การทำงานร่วมกันระหว่าง AI กับคน ต้องเป็นการทำงานร่วมกันอย่างปลอดภัย ต้องเรียนรู้ในแบบของ Citizen Centric Digital Learning เพื่อให้คนไทยก้าวสู่การเป็น Global Citizen

การที่จะสามารถขับเคลื่อนไปสู่วิสัยทัศน์ดังกล่าวได้ต้องมีการพัฒนาบุคลากรให้มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI

โดยการสร้างแรงจูงใจให้เรียนรู้ มีการจัดการแข่งขันในระดับประเทศ รวมไปถึงการให้ทุนการศึกษา เพื่อยกระดับทรัพยากรบุคคลของประเทศ ซึ่งเป็นเรื่อง ที่ต้องทำงานร่วมกันทั้ง ภาครัฐ เอกชน สถานศึกษา ที่ต้องสร้างบุคลากรทั้งผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาระบบ ไปจนถึงความสามารถในการใช้งาน เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพ

  1. ด้านการพัฒนาสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล (Digital Government) ที่ประชุมเสนอ 2 วิสัยทัศน์ คือ

2.1 รัฐบาลต้องพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลโดยคำนึงถึงการใช้งานของประชาชนในแบบของ Citizen Centric เป็นรัฐบาลที่ทำงาน 24 ชั่วโมง ใน 7 วัน (24/7) ในรูปแบบของ Smart Service

2.2 การทำงานของรัฐบาลดิจิทัล ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องของความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ

ทั้งนี้ การที่จะสามารถขับเคลื่อนไปสู่วิสัยทัศน์การเป็น Digital Government ภาครัฐต้องพัฒนาไปสู่การเป็น Government E-Service มีการจัดทำ Central Data Platform ที่ทุกคนสามารถเข้าไปเรียนรู้ได้

โดยการรวมงานบริการของภาครัฐที่มีอยู่มากกว่า 4,600 บริการ ตามรายงานของสำนักงาน กพร. รัฐบาลควรจะรวมมาไว้ในระบบเดียวกัน เพื่อลดความซ้ำซ้อนและสามารถให้บริการประชาชนได้แบบ one stop digital service

การจัดให้ประชาชนสามารถใช้ Digital ID ในการติดต่อและรับบริการจากภาครัฐ สร้างให้เป็นรัฐบาลแบบ One-E Office หน่วยงาน ที่มีงานเหมือนกันให้อยู่ ในรูปแบบเดียวกัน 10,000 หน่วยงาน ควรจะอยู่ในรูปแบบเดียวกัน รวมเป็นทีมเดียวกัน อยู่ตรงกลาง และ สร้างทุกอย่าง อนาคตจะสร้าง Start up จากตรงนี้ได้ จะต้องสร้าง AI ให้เป็น Support Service ช่วยงานของคนที่เป็น government office ได้ เป็นส่วนหนึ่งของ การลดขนาดของข้าราชการให้เล็กลง

แต่คุณภาพการให้บริการมีคุณภาพและประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งมีการพัฒนา Thai GPT สำหรับคนไทย เหมือน Chat GPT ซึ่งแนวทางดังกล่าวภายใน 5 ปี ประเทศไทยจะเป็น digital government เหมือนเอสโตเนีย

  1. ด้านการนำเทคโนโลยี AI มาใช้และการกำกับดูแล (AI Adoption & Governance) ต้องมีวิสัยทัศน์เรื่อง

3.1 ความปลอดภัยในการใช้งาน ทำให้คนมีความสามารถและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

3.2 คนต้องทำงานกับ AI ในฐานะผู้สั่งการ เพื่อทำให้ AI มีความฉลาดขึ้นและตอบโจทย์กับการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

การที่นำ AI มาใช้และการกำกับดูแล ต้องมีการพัฒนา AI ที่รองรับกับการใช้งานของคนทุกวัย ทั้ง AI สำหรับเยาวชนและผู้สูงวัย เพื่อตอบโจทย์กับการใช้งาน ซึ่งการพัฒนาดังกล่าวต้องมีการทำวิจัย และมีการลงทุน ซึ่งคนที่ลงทุนต้องเป็นภาครัฐ

นอกจากการสร้างระบบที่ปลอดภัย และ มีการกำกับดูแลที่ดีแล้ว ต้องมีการพัฒนาระบบ คนไทย 1คน มี AI Bot ที่เป็น content 1 ตัว ให้ Bot ทำงานแทนได้ One Thai One Bot

รวมทั้งสนับสนุน ภาคการศึกษา เอกชน และ รัฐ ให้มาทำงานร่วมกัน ทั้งในฐานะผู้ใช้งาน และ ผู้พัฒนาเทคโนโลยีและระบบ

ด้วยการใช้ระบบ digital single เดียว การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และให้สิทธิพิเศษฟรีภาษีในการนำเข้าอุปกรณ์ในการพัฒนาเทคโนโลยี AI การเพิ่ม Productivity ในการทำงาน และสร้างให้คนไทยเป็นเจ้านายของ AI หรือ Super Boss ในอนาคต

  1. ด้านการพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์ม ต้องมีวิสัยทัศน์ดังนี้ คือ

4.1 แพลตฟอร์มต้องมีความปลอดภัย เข้าถึงทุกคน และสามารถที่จะใช้งานได้ง่าย

4.2 แพลตฟอร์มต้องมีความสามารถในการแข่งขัน และมีการพัฒนาแพลตฟอร์มที่เป็นของคนไทย ปัจจุบันถึงแม้จะมีแพลตฟอร์มและ E-commerce แต่ส่วนใหญ่เจ้าของเป็นต่างชาติ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไทยต้องให้ความสำคัญในการพัฒนา

ในการพัฒนาแพลตฟอร์มต่างๆ ต้องคำนึงถึงการใช้งาน โดย Platform ที่เวทีประชุมเชิงปฏิบัติการให้ความสนใจและเสนอแนะให้รัฐบาลทำคือ แพลตฟอร์มด้านการเกษตร ท่องเที่ยว วัฒนธรรม และสุขภาพ(wellness)

โดยเป็นแพลตฟอร์มที่พัฒนาโดยคนไทย ให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม เป็นแพลตฟอร์มที่มีการค้าขาย และการเข้าถึงได้ เพื่อที่จะสร้างเศรษฐกิจดิจิทัล บทสรุปที่ได้จากการระดมสมองในเวทีประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ นางสาวพนัญญา ในฐานะผู้ดำเนินการประชุมกล่าว

 ในเวทีสัมมนาเชิงปฏิบัติการดังกล่าว ประกอบด้วย ผู้แทนจากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาควิชาการกว่า 50 คน จากหน่วยงานต่าง ๆ อาทิ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม, สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา, สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง, สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (กพร.), หอการค้าสิงคโปร์-ไทย, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด, บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน), บริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ซิกเนเจอร์ โรโบติกส์ จำกัด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : https://bangkokx.me/ai-overviews-08062025/

ที่มาของข้อมูล : https://www.tma.or.th

[addtoany]
Ellipse 1
กองบรรณาธิการ Bangkok X