เปิดศักยภาพ “อาเซียน” ศูนย์กลาง ขับเคลื่อน เศรษฐกิจโลก
เปิดศักยภาพ “อาเซียน” ศูนย์กลาง ขับเคลื่อน เศรษฐกิจโลก

เปิดศักยภาพ “อาเซียน” ศูนย์กลาง ขับเคลื่อน เศรษฐกิจโลก ท่ามกลางพายุ ของการเปลี่ยนแปลง หลังสหรัฐฯ เปลี่ยนนโยบายเศรษฐกิจ จากการค้าเสรี สู่ การกีดกันทางการค้า

เปิดศักยภาพ “อาเซียน” ศูนย์กลาง ขับเคลื่อน เศรษฐกิจโลก
ในงานสันนา ASEAN Forum 2025 ที่จัดโดย สมาคมจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (Thai Management Association or TMA) เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2568

ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง นโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ผู้นำด้านการค้าเสรีมายาวนาน กว่า 4 ทศวรรษ สู่ นโยบาย อเมริกาต้องมาก่อน ของ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ด้วยการขึ้นภาษีศุลกากรนำเข้า กับ ทุกประเทศที่เกินดุลการค้าสหรัฐฯ ที่นักวิชาการหลายท่านระบุว่า เป็นนโยบายกลับหัวกลับหาง ทำให้เศรษฐกิจโลกกลับทิศในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

ในขณะที่ ศาสตราจารย์ กิซอร์ มะห์บูบานี นักวิจัยดีเด่น สถาบันวิจัยเอเชีย มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ( Prof Kishore Mahbubani Distinguished Fellow Asia Research Institute, National University of Singapore or NUS) ได้ให้มุมมอง และ แง่มุม ของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ในงานสันนา ASEAN Forum 2025 ที่จัดโดย สมาคมจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (Thai Management Association or TMA) เมื่อวันที่ 13 มิถุนายนว่า

ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ถึงแม้จะเป็นเหมือนวิกฤต แต่ก็เป็นโอกาส สำหรับ ประชาคมอาเซียน ที่เป็น ประชาคมที่มีศักยภาพในการเติบโต เมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก ที่เกิดขึ้น

“อย่างที่ทุกคนทราบปัจจุบันเราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย เพราะเราไม่ทราบว่าจะเกิดอะไรใหม่ๆ ขึ้นบ้าง โลกใหม่ในปัจจุบัน เป็นโลกกำลังกลับหัวกลับหาง เราต้องรู้ว่าเราจะอยู่กับโลกในปัจจุบันอย่างไร โลกในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

สหรัฐฯ เคยเป็นผู้สร้างกติกาเศรษฐกิจการค้าเสรี เมื่อ 40 ปีก่อน  ซึ่งเศรษฐกิจเสรี ได้สร้างมูลค่าและการเติบโตของเศรษฐกิจโลก มาตลอด 4 ทศวรรษที่ผ่านมา เศรษฐกิจโลก เติบโตจาก 13 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อปี 1985 เป็น 111 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในปี 2024 ขณะที่เศรษฐกิจอาเซียน เติบโตจาก 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 1985 เพิ่มเป็น 26 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปัจจุบัน

แต่ปัจจุบัน สหรัฐอเมริกา ได้เปลี่ยนแปลงระเบียบโลกที่ตัวเองสร้างขึ้นมาเมื่อ 40 ปีก่อน โดยการนำลัทธิของการกีดกันทางการค้ามาใช้ ซึ่งส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่กับเศรษฐกิจโลก” มะห์บูบานี  กล่าว

ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว มะห์บูบานี กล่าวว่า เป็นการเปลี่ยนแปลงที่สร้างโอกาสให้กับ อาเซียน ในฐานะที่เป็นภูมิภาคที่มีความขัดแย้งน้อยที่สุดในโลก ทางด้านภูมิศาสตร์

อาเซียน เป็นศูนย์กลางที่สามารถจะเชื่อมกับประเทศเศรษฐกิจใหญ่ สองประเทศ คือ  จีน และ อินเดีย โดยรวมเศรษฐกิจประชาคมอาเซียนเติบโตได้พอสมควร เมื่อปี ค.ศ.  2000 เศรษฐกิจ ญี่ปุ่น ใหญ่กว่าอาเซียน 8 เท่า ปัจจุบัน เศรษฐกิจ ญี่ปุ่น ใหญ่กว่าอาเซียนเพียง 1.5 เท่า และ ปี 2030 เศรษฐกิจอาเซียน จะใหญ่กว่า เศรษฐกิจของญี่ปุ่น

ประเด็นที่สอง คือ เราเห็นโอกาส ที่มีหลายประเทศจะร่วมมือกับอาเซียน เพราะเป็นภูมิภาคที่มีศักยภาพเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ปัจจุบัน 97% ของสินค้าที่นำเข้าระหว่างประเทศในกลุ่มประชาคมอาเซียน ไม่มีการเสียภาษีระหว่างกัน  เมื่อเราเอากำแพงภาษีระหว่างกันออก เราต้องสร้างโอกาส และ คู่ค้าใหม่ๆ เสริมสร้างการค้าเสรีในภูมิภาคกับภูมิภาคอื่นๆ

และประเด็นที่สาม คือ จากสภาพแวดล้อมของอาเซียนทั้งสองประเด็น เป็นการสร้างโอกาสครั้งใหญ่ ที่อาเซียน จะนำความได้เปรียบของเราไปสร้างโอกาสทางธุรกิจ โดยร่วมกับ 2 ประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ที่เป็นเพื่อนบ้านของอาเซียน อย่าง จีน และ อินเดีย เพื่อสร้างเครือข่ายเศรษฐกิจขนาดใหญ่ได้

ถึงแม้ปัจจุบันจีน และ อินเดีย ยังมีประเด็นความขัดแย้ง แต่ผมเชื่อว่า อาเซียนจะสามารถพัฒนาศักยภาพและสร้างความร่วมมือกับสองประเทศเศรษฐกิจใหญ่ในเอเชีย ได้ภายใน 10 ปี นับจากนี้ไป โดยเฉพาะ ประเทศไทย ที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับทั้งสองประเทศ”  มะห์บูบานี กล่าว

ขณะที่ ดร. รานู ดายัล ที่ปรึกษาอาวุโส บอสตัน คอนซัลติ้งส์ กรุ๊ป (Dr Ranu Dayal Senior Advisor Boston Consulting Group) กล่าวในเวทีเดียวกันว่า เราไม่มีทางรู้ว่า เกมส์ทางเศรษฐกิจ (Economic Game) ครั้งนี้ในระยะสั้นจะเป็นอย่างไร จากนโยบายที่กลับหัวกลับหางของสหรัฐอเมริกา แต่ผมเชื่อว่านโยบายนี้ของสหรัฐฯ จะทำให้สหรัฐฯ เผชิญกับความล้มเหลวทางเศรษฐกิจ มีการตกงานของคนอเมริกัน มีปัญหาทางการเงิน และ สหรัฐฯ จะสูญเสียความเป็นผู้นำทั้งด้านเทคโนโลยี และ การเงิน รวมไปถึงสหรัฐฯ จะไม่ใช่ผู้นำทางการค้าโลกอีกต่อไป

สิ่งที่ผมเห็นคือจะมี 3 เครื่องยนต์ที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกได้คือ จีน อินเดีย และ อาเซียน จะเป็นผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกได้ถึง 80-90% เราเห็นโอกาสที่ชัดเจนว่าทั้งสามกลุ่มก้อนจะร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ ที่ผ่านมาอาจจะมีความขัดแย้งระหว่างจีนและ อินเดีย แต่ผมมองว่า อาเซียน น่าจะมีบทบาทเป็นผู้ที่เชื่อมทั้งสองประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ ดายัล กล่าว

เปิดศักยภาพ “อาเซียน” ศูนย์กลาง ขับเคลื่อน เศรษฐกิจ EU

ขณะที่ คริส ฮัมฟรีย์ ผู้อำนวยการบริหารสภาธุรกิจยุโรป-อาเซียน (Mr. Chris Humphrey Executive Director EU-ASEAN Business Council) กล่าวว่า ยุโรป เคยไม่ให้ความสำคัญกับ อาเซียน แต่หลังจากการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจใหม่ของสหรัฐอเมริกา ทำให้ยุโรป ต้องมองหาพันธมิตรใหม่ และ พันธมิตรที่เราเห็นศักยภาพในการเติบโตคือ ประชาคมอาเซียน

ประชาคมอาเซียนเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับยุโรป ยุโรปต้องการที่จะเร่งให้การเจรจาเขตการค้าเสรีระหว่างยุโรป กับ ประเทศในอาเซียน ทั้ง ไทย ฟิลิปปินส์ และ มาเลเซีย ประสบความสำเร็จ และ ยุโรป มองเห็นโอกาสในการลงทุนในอาเซียนมากขึ้น เพื่อให้เกิด Asean +++ ฮัมฟรีย์ กล่าว

“สิ่งที่อาเซียนต้องทำเพื่อให้เกิดความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับยุโรป คือ ต้องมีการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการของประเทศสมาชิกอาเซียน ผนวกอาเซียนให้เป็นตลาดเดียว ซึ่งจะสร้างโอกาสการเติบโตให้กับอาเซียนและประเทศพันธมิตรที่เข้ามาลงทุนในอาเซียน จากการสำรวจของเราพบว่า 6 ใน 10 ของนักธุรกิจยุโรป สนใจเข้ามาลงทุนในอาเซียน เพราะอาเซียนมีจุดแข็ง ที่มีภาคีหลากหลาย ทั้ง จีน อินเดีย ยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ รัสเซีย ต่างเข้ามาลงทุนในอาเซียน จึงเป็นโอกาสสำหรับยุโรป ที่จะใช้อาเซียนเพื่อเชื่อมการลงทุนไปในภูมิภาคต่าง” ฮัมฟรีย์ กล่าว

จีน-อินเดีย พร้อมจับมือ อาเซียน

Asean + China & India
Asean plus China and India

 

ศาสตราจารย์ มาร์ค กรีเวน, คณะบดีด้านเอเชีย ของ ไอเอ็มดี (Prof Mark Greeven Dean of Asia, IMD) กล่าวว่า ผมมีประสบการณ์การทำงานในประเทศจีน มากกว่า 25 ปี ผมเห็นการเปลี่ยนแปลงในจีน และ ความสัมพันธ์ทางการค้าที่ดีระหว่างจีนและอาเซียน และเห็นโอกาสในการพัฒนาธุรกิจร่วมกันของทั้งจีนและอาเซียนใน 5 ด้านด้วยกันคือ การขยายการลงทุนร่วมกันในเชิงกลยุทธ ความสามารถในการพัฒนาระบบการค้าการลงทุนร่วมกัน การสร้างตลาดใหม่ๆ การพัฒนาแพลตฟอร์มทางธุรกิจ และ การพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล ทั้ง ฟินเทค(Fintech) รวมไปถึงนวัตกรรมด้านเอไอ ทั้งหมดนี้เป็นความสัมพันธ์ของอาเซียนกับจีน ที่ไม่เกี่ยวกับแรงงานต้นทุนต่ำ เป็นเรื่องนวัตกรรม ถ้าอาเซียนพร้อม จีนก็สามารถที่จะพัฒนาร่วมกับอาเซียน โดยเน้นการพัฒนาธุรกิจร่วมกันมากกว่า ธุรกรรม

“จีนพร้อมที่จะสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ให้กับอาเซียน ต้องมองประเทศจีนให้เป็นพันธมิตร และพัฒนานวัตกรรมร่วมกัน” กรีแวน กล่าว

อภิจิต ดัตตา กรรมการผู้อำนวยการคณะกรรมการเอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และ แอฟริกา บริษัท เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (Mr Abhijit Datta director of the committee on South Asia, Middle East & Africa SCG International Corporation Co Ltd) กล่าวว่า อินเดีย เป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ระดับ 5-6% ต่อปีอย่างต่อเนื่อง มีโครงสร้างประชากรที่มีคนในวัยทำงานเฉลี่ยอายุที่ 29 ปี มากกว่าพันล้านคน จึงเป็นโอกาสสำหรับการค้า การลงทุน

และ อินเดีย มีการพัฒนาเรื่องของนวัตกรรม และให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี โดยเรามี ยูนิคอร์ ถึง 118 แห่ง เพราะเราให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี ในทางภูมิรัฐศาสตร์ อินเดียเป็นพันธมิตรกับทุกประเทศ เราต้องการสร้างความสมดุล กับประเทศจีน อาจจะเคยมีความขัดแย้งเรื่องชายแดนระหว่างกัน

แต่ในปัจจุบันเราให้ความสำคัญกับการค้าและการลงทุนระหว่างกัน การที่จะทำให้เกิดความเชื่อมโยงกับอาเซียน เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ และเรามีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จะสร้างโครงข่ายการเชื่อมโยง กับประเทศในกลุ่มอาเซียน เพื่อให้เกิดการค้าและการลงทุนร่วมกัน

“ผมมองว่าโอกาสการลงทุนของอาเซียนในอินเดีย มีมาก บริษัทไทยเข้าไปลงทุนในอินเดียจำนวนมาก และ ยังเป็นโอกาสในการสร้างโอกาสทางการค้าร่วมกันระหว่างอินเดียและอาเซียน” ดัตตา กล่าว

ภาคเอกชน มั่นใจ อาเซียน เป็นโอกาสสำหรับการลงทุน

 

อัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวในเวทีสัมมนาในหัวข้อเรื่อง “ Ingredient for the Booming Economy New Investment Opportunities” ในเวที ASEAN Forum 2025 ว่า อาเซียนเป็นกลุ่มประเทศที่มีจุดเด่นในเรื่องความร่วมมือกันทั้งด้านการค้าและการลงทุน

ปัจจุบันเบอร์ลี่ฯ เข้าไปลงทุนในหลายประเทศในอาเซียน และเป็นโอกาสในการเติบโตในหลายอุตสาหกรรม อาทิ อุตสาหกรรมบริการ อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน อุตสาหกรรมสีเขียว รวมไปถึง การพัฒนาเกี่ยวกับอุตสาหกรรมด้านพลังงานสะอาด ไปจนถึงนวัตกรรมที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี ดิจิทัล และ เอไอ

ซาริบัว เซียฮาน ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการลงทุน ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และ แปซิฟิก และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุน และ อุตสาหกรรมปลายน้ำ/คณะกรรมการประสานงานการลงทุน ประเทศอินโดนีเซีย (Mr Saribua Siahaan director of investment promotion for Southeast Asia, Australia, New Zealand and the Pacific, Ministry of Investment and Downstream Industry/Indonesia Coordinating Board) กล่าวถึงโอกาสการลงทุนในอาเซียนว่า ประเทศในกลุ่มอาเซียนเปิดโอกาสสำหรับการลงทุนในหลากหลายอุตสาหกรรม เพราะสมาชิกประชาคมอาเซียน มีความหลากหลาย

อย่างในประเทศอินโดนีเซีย รัฐบาลให้การสนับสนุนการลงทุนและพร้อมที่จะเปิดโอกาสให้ต่างชาติเข้ามา เรามีแผนสร้างเมืองใหม่ที่กาลิมันตัน เพื่อรองรับกับการลงทุน และ ลดความแออัดจากการลงทุนในกรุงจาร์การ์ต้า รัฐบาลอินโดนีเซีย พร้อมเปิดโอกาสให้ต่างประเทศเข้ามาลงทุน โดยการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเข้ามาลงทุนของทุกประเทศ และพร้อมเป็นประตูสู่อาเซียน

“ปัจจุบันรัฐบาลอินโดนีเซีย กำลังพัฒนาระบบที่จะให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในอินโดนีเซียได้ง่ายขึ้น โดยให้ความสำคัญกับทุกอุตสาหกรรม ทั้งอุตสาหกรรมการผลิต การท่องเที่ยว รวมไปถึง ด้านการแพทย์ และ พลังงานหมุนเวียน ผมมองว่าท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงปัจจุบัน อาเซียนเป็นโอกาสสำหรับการลงทุนที่จะเชื่อมโยงกับทุกภูมิภาคในโลก” นายเซียฮาน กล่าว

ก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร รองเลขาธิการสายงานเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก กล่าวถึงความพร้อมของไทย ในการรองรับกับการเข้ามาลงทุนของประเทศต่างๆ ในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) ว่า อีอีซี ให้ความสำคัญกับการพัฒนาแนวคิดเรื่องของเมืองอัจฉริยะ และสนับสนุนการลงทุนใน 5 คลัสเตอร์ ได้แก่

อุตสาหกรรมด้านการแพทย์และสุขภาพ, อุตสาหกรรมดิจิทัลและอิเล็กทรอนิกส์, อุตสาหกรรมยานยนต์อัจฉริยะ, อุตสาหกรรมเศรษฐกิจ BCG ได้แก่ ด้านเทคโนโลยีชีวภาพ พลังงานสะอาด และ การแปรรูปอาหาร, และ อุตสาหกรรมบริการ พร้อมๆ ไปกับการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ

“ประเทศไทยมีความร่วมมือกับกลุ่มอาเซียน นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย จีน เรามี Southeast Asean Corporation เรามีความพร้อมในการพัฒนาระบบนิเวศน์ในภูมิภาคนี้ เพื่อขับเคลื่อนอาเซียนให้เป็นศูนย์กลางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก ที่เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆ ไทยก็เหมือนกับอินโดนีเซีย มีกลไกเหมือนกันเราพร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลง และพัฒนาอย่างยั่งยืน”  ก่อกิจ กล่าว

จากมุมมองที่หลากหลายทั้งนักวิชาการ นักธุรกิจ และ ภาครัฐ ของกลุ่มประเทศประชาคมอาเซียน บางที การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในโลก อาจจะเป็นโอกาสของประชาคมอาเซียน ในขณะที่ประเทศไทย เป็นหนึ่งในสมาชิกอาเซียน เราจะสามารถคว้าโอกาสนี้ไว้ได้ มากน้อยแค่ไหน คงต้องติดตามกันต่อไป

แต่การเปลี่ยนแปลงของโลกในปัจจุบัน ทำให้เรารู้ว่า ประเทศไทย ไม่สามารถอยู่เพียงลำพัง แต่ต้องจับมือและสร้างพันธมิตรในระดับภูมิภาค และ ก้าวไปพร้อมๆ กัน

ที่มาของข้อมูล : https://www.tma.or.th

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : https://bangkokx.me/worldbank-economic-11062025/

[addtoany]
Ellipse 1
กองบรรณาธิการ Bangkok X