
เปิด 6 เทรนด์โลก ปี 2568 ในงาน “COSMOPROF CBE ASEAN 2025” ระหว่าง วันที่ 25-27 มิถุนายน 2568 ที่ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
สรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทจัดงาน Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok 2025 ระหว่างวันที่ 25-27 มิถุนายน 2025 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อเป็นเวทีนำเสนอและแลกเปลี่ยนนวัตกรรม ความร่วมมือทางธุรกิจ พร้อมขยายเครือข่าย รองรับการเติบโตระดับภูมิภาค ในอุตสาหกรรมความงาม
โดยปีนี้จัดต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 4 ซึ่งมีการขยายพื้นที่เป็น 25,000 ตร.ม. สำหรับรองรับผู้ร่วมแสดงงานมากกว่า 2,000 แบรนด์ และคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมทั้งในประเทศและต่างประเทศมากกว่า 17,000 คน
“เพราะประเทศไทยเป็นเกตเวย์เข้าสู่อาเซียน และ ฮับ ของภูมิภาค ภายในงานรวบรวมเทรนด์ต่าง ๆ ด้านความงาม และเป็นงานเดียวที่รวบรวมผู้ผลิต ไม่ว่าจะกลุ่มผู้ผลิตวัตถุดิบ ไปจนถึง สินค้าสำเร็จรูป
และ ภายในงานยังสามารถสร้างเครือข่ายกับคนในอุตสาหกรรมได้ด้วย โดยมีประเทศจีน เกาหลี ญี่ปุ่น และอิตาลีมาจัดแสดงในรูปแบบพาวิลเลียน นอกเหนือจากนี้ ยังมีอีกกว่า 20 ประเทศเข้าร่วมงานด้วย” สรรชาย กล่าว
โดยจุดเด่นหลัก Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok 2025 มุ่งเน้นไปที่เทรนด์ความงามที่สำคัญหลายด้าน อาทิ อาหารเสริมความงาม (Beauty Supplement) ที่มีการเติบโตอย่างโดดเด่น เพิ่มขึ้นจาก 6%เป็น 9% ภายในเวลาเพียงสองปี
ความงามทางการแพทย์ (Medical Beauty) จากการวิจัยของธนาคารกรุงศรี อุตสาหกรรมอุปกรณ์การแพทย์ของไทย โดยเฉพาะในกลุ่มความงามทางการแพทย์ มีแนวโน้มเติบโตอย่างมากตั้งแต่ปี 2566 ถึง 2568 คาดว่าทั้งตลาดภายในและต่างประเทศจะมีอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 5.5-7.0% และ 6.5-7.5% ตามลำดับ สรรชัย กล่าว
เปิด 6 เทรนด์โลก ปี 2568
ภายในงานสัมมนา COSMOPROF CBE ASEAN “Building Iconic Beauty Brands: Strategy, Story, Success” มีการบรรยายพิเศษในหัวข้อ “เจาะลึกเทรนด์บิวตี้แห่งอนาคต : จากเทคโนโลยีสุดล้ำ สู่พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป กำหนดทิศทางอุตสาหกรรมอย่างไร” โดย แพทริค จีโร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด

แพทริค กล่าวว่า ปัจจุบัน ตลาดความงามโลก มีมูลค่ารวมราว 2.94 แสนล้านยูโร หรือประมาณ 10.834 ล้านล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยน 1 ยูโรเท่ากับ 36.840 บาท) ซึ่งผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมีสัดส่วน 39% เติบโต 2.7% ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับ เส้นผมมีสัดส่วน 21% เติบโต 4.8%
ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง มีสัดส่วน 17% เติบโต 4% ผลิตภัณฑ์น้ำหอม มีสัดส่วน 13% เติบโต 11%และ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมีสัดส่วน 10% เติบโต 6.1% ส่
วนตลาดความงามในแต่ละกลุ่มตลาด พบว่า กลุ่มตลาดเวชสำอางเติบโตมากที่สุด 8% รองลงมาเป็นกลุ่มตลาดมวลชน 6% กลุ่มตลาดผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ 3.5% และกลุ่มตลาดความงามชั้นสูง 2%
นอกจากนี้ ด้วยการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรปัจจุบัน ทำให้มีจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น โดยคาดว่าในปี 2573 จะมีจำนวนผู้สูงอายุ 1,000 ล้านคนทั่วโลก จากปัจจุบันที่มีจำนวน 850 ล้านคน ซึ่งนับเป็นกลุ่มลูกค้าที่สำคัญ ของตลาดความงาม
เนื่องจากมีกำลังซื้อสูง และ สนใจในการดูแลผิวพรรณ รูปร่าง และสุขภาพของตนเอง และ ยังมีกลุ่มประชากรที่มีศักยภาพ สำหรับการบริโภคผลิตภัณฑ์ ความงาม อีก 3 กลุ่ม ได้แก่
กลุ่มเจนซี (Generation Z) ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็น 150 ล้านคนในปี 2573
กลุ่มเจนอัลฟา (Generation Alpha) เป็นกลุ่มผู้บริโภคที่เริ่มเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นในปี 2573 และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นราว 200 ล้านคน
และกลุ่มผู้บริโภคผู้ชาย ที่ยังมีโอกาสเติบโตอยู่อีกมาก ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนเพียง 1 ใน 4 ของผู้บริโภคทั้งหมด และผลิตภัณฑ์เฉพาะผู้ชายมีส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ความงามแค่ 10%เท่านั้น
นอกจากการเปลี่ยนแปลงด้านโครงสร้างประชากรแล้ว การเปลี่ยนแปลงในด้านอื่น ๆ ได้ส่งผลต่อตลาดความงามด้วยเช่นกัน โดยจากการสำรวจของ IPSOS Global Trends ปี 2567 ที่ผ่านพบเทรนด์หลักที่สะท้อนวิถีชีวิตและสังคมผู้คนหลายด้าน อาทิ
1.รอยร้าวของโลกาภิวัตน์ (Globalization Fractures) : ผู้คนเริ่มหันกลับมารักและภูมิใจในความเป็นชาติพันธุ์ตัวเองมากขึ้น ส่งผลต่อการตอบรับของตลาดความงาม อาทิ
การมีผลิตภัณฑ์ที่สะท้อน เอกลักษณ์เฉพาะวัฒนธรรม/ประเทศ เช่น แพ็กเกจจิงลายมังกรสำหรับชาวจีน แบรนด์โลคอล ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ชาติพันธุ์อันหลากหลาย เช่น ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมที่เหมาะกับผมหยักศกโดยเฉพาะ
- ความเหลื่อมล้ำทางสังคม (Splintered Societies) : ความเหลื่อมล้ำทางสังคม จนกระจาย รวยกระจุก ปัญหาการอพยพย้ายถิ่นฐาน และ ความขัดแย้งในแต่ละประเทศ ส่งผลต่อการตอบรับของตลาดความงาม อาทิ
แบรนด์ที่เน้นผลิตภัณฑ์คุ้มค่า เป็นสินค้าคุณภาพดี คุ้มคุณภาพ ราคาย่อมเยา และแบรนด์ผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูงสุด (Ultra-luxury) เพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูงสุด
- การตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อมและปัญหาโลกรวน (Climate Convergence) : การตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อมและปัญหาโลกรวน ผู้คนเริ่มหันมาปรับเปลี่ยนนิสัย เพราะต้องการรักษาสิ่งแวดล้อม ส่งผลการตอบรับของตลาดความงาม อาทิ ผลิตภัณฑ์รักษ์โลก แก้ปัญหาภาวะโลกรวน เช่น
แชมพูสระผมในรูปแบบสบู่ก้อน และแพ็กเกจจิงเป็นกระดาษ เป้าหมายในการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของบริษัท ผลิตภัณฑ์ที่มีจริยธรรม ในการดำเนินงานตลอดห่วงโซ่คุณค่า เช่น ไม่ทดลองผลิตภัณฑ์ในสัตว์ การสามารถตรวจสอบย้อนกลับแหล่งที่มาวัตถุดิบ เคารพสิทธิมนุษยชน
- ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี (Techno Wonder) : ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ส่งผลการตอบรับของตลาดความงาม อาทิ
Beauty tech เช่น นวัตกรรมเพื่อความงามที่ก้าวหน้าต่าง ๆ ตัวอย่าง ลอรีอัล คือ Cell BioPrint อุปกรณ์ตรวจวิเคราะห์ผิวแบบเฉพาะบุคคล ที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการชะลอวัยและป้องกันปัญหาผิวในอนาคต
- สุขภาพกายและใจมาเป็นที่หนึ่ง (Conscientious Health) : สุขภาพกายและใจมาเป็นที่หนึ่ง ส่งผลการตอบรับของตลาดความงาม อาทิ
ผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ตอบโจทย์คำว่า “สมบูรณ์แบบ” เช่น คลินิกความงาม ผลิตภัณฑ์หรือบริการที่โอบรับแนวคิดการดำรงชีวิตที่ยืนยาว เพื่ออายุที่เพิ่มขึ้นไปพร้อม ๆ กับการดูแลตัวเองและความงามไปอย่างยืนยาว
- พลังแห่งความเชื่อมั่น (Power of Trust) : พลังแห่งความเชื่อมั่น โดยจะให้ความเชื่อถือในแบรนด์ที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน หรือมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางแนะนำ ส่งผลการตอบรับของตลาดความงาม อาทิ
ผลิตภัณฑ์ที่การันตีโดยผู้เชี่ยวชาญ อาทิ ผลิตภัณฑ์เวชสำอาง ที่แนะนำโดยแพทย์ผิวหนัง และแบรนด์ที่มีความเป็นมายาวนาน เช่น คีลส์ ที่เคยเป็นร้านขายยาและสมุนไพรมาก่อน
จากเทรนด์ความงามโลกดังกล่าว ลอรีอัล กรุ๊ป จึงได้ให้ความสำคัญ กับ นวัตกรรม และความเป็นผู้นำด้านวิทยาศาสตร์เพื่อความงาม โดยมี ผลิตภัณฑ์ประสิทธิภาพสูง ควบคู่ไปกับ Beauty Tech เพื่อมอบ ผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับเฉพาะบุคคล
รวมถึงประสบการณ์ การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดให้กับ ผู้บริโภค ขณะเดียวกัน ลอรีอัล กรุ๊ป ได้นำการใช้ AI เข้ามาเพื่อพัฒนาในด้านต่าง ๆ ตลอดขั้นตอนการทำงาน อาทิ
การเสริมพลังการวิจัย ผ่านการจับมือกับ IBM นำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ (GenAI) มาช่วยในการค้นหาข้อมูลเชิงลึกใหม่ ๆ เกี่ยวกับสูตรส่วนผสมเครื่องสำอาง เป็นต้น
“ลอรีอัล กรุ๊ป ไม่เพียงมุ่งมั่น สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ ประสิทธิภาพสูงเท่านั้น แต่ยังทำงานเพื่อกำหนด อนาคตของความงาม ยกระดับประสบการณ์ความงาม อย่างต่อเนื่อง ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคอย่างเหนือระดับ ผ่านการวิเคราะห์เชิงลึก
การคาดการณ์ที่แม่นยำ และกลยุทธ์การตลาดที่เฉียบคม พร้อมนำเสนอนวัตกรรม Beauty Tech ล้ำสมัย ผสานพลัง AI เพื่อสร้างสรรค์ความงามเฉพาะบุคคลอย่างแท้จริง” แพทริค กล่าว
เปิดเคล็ดลับ สู่ ความสำเร็จ ระดับสากล
นอกจาก 6 เทรนด์ ธุรกิจความงาม แล้ว ยังมีการ สัมมนา เปิดเคล็ดลับความสำเร็จ ในระดับสากล โดย ณัฐพล ชูจิตารมย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออาร์ เฮลท์ แอนด์ เวลเนส จำกัด กล่าวว่า การสร้างแบรนด์ความงามที่แข็งแกร่ง ไม่ได้ขึ้นอยู่แค่กับ ผลิตภัณฑ์ที่ดีเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีเรื่องราว ที่เชื่อมโยงกับผู้บริโภค และ กลยุทธ์ที่ชัดเจนในการขยายตลาด ซึ่
งแบรนด์ต้องให้ความสำคัญเรื่องความเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพ ความยั่งยืน และนวัตกรรม โดยแบรนด์ควรสร้างความแตกต่างผ่านเอกลักษณ์ของตัวเอง เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
“หนึ่งในปัจจัยสำคัญของแบรนด์ความงามที่ประสบความสำเร็จ คือ การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ การบริการ ไปจนถึงความเชื่อมโยงทางอารมณ์
ขณะที่งาน Cosmoprof CBE ASEAN เป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ นักธุรกิจ และผู้ที่สนใจในอุตสาหกรรมความงาม ได้เรียนรู้และแลกเปลี่ยนแนวคิดเพื่อสร้างแบรนด์ที่เป็นที่จดจำอย่างแท้จริง” ณัฐพล กล่าว
ที่มาของข้อมูล : https://www.thailandexhibition.com/thai-trade-show-details/cosmoprof-cbe-asean-2025?c=NTY3Nw==
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : https://bangkokx.me/colour-trend-2024-16062024/
