หมดยุค “โลกาภิวัฒน์” สู่ ยุค “สงครามการค้า”
หมดยุค “โลกาภิวัฒน์” สู่ ยุค “สงครามการค้า”

หมดยุค “โลกาภิวัฒน์” สู่ ยุค “สงครามการค้า” เป็นคำกล่าวของ นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ลอเรนซ์ หว่อง ( Lawrence Wong) เมื่อวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา หลังจากที่ สหรัฐอเมริกา ประกาศขึ้นภาษีนำเข้ากับคู่ค้าทั่วโลก รวมทั้งสิงคโปร์ ที่ถูกขึ้นภาษี 10% เมื่อวันที่ 2 เมษายน ที่ผ่านมา 

ลอเรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรี สิงคโปร์  ได้มีการถ่ายทอดสดออกรายการโทรทัศน์ เป็นเวลา  5 นาที ได้กล่าวเตือน  ประชาชนสิงคโปร์ ให้เตรียมรับ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

แม้ สหรัฐอเมริกา จะขึ้นภาษีนำเข้าจาก สิงคโปร์ เพียง 10% แต่ ผู้นำสิงคโปร์ ระบุว่า การขึ้นภาษีครั้งนี้ เป็นการสิ้นสุดยุคโลกาภิวัฒน์ การค้าเสรี ภายใต้กรอบขององค์การการค้าโลก (World Trade Organization : WTO) เข้าสู่ยุค “ตัวใคร ตัวมัน” หรือ Nagative Sum Game สำหรับทุกประเทศ และ ส่งผลกระทบกับทุกคน

หมดยุค “โลกาภิวัฒน์” สู่ ยุค “สงครามการค้า”

 

นายกรัฐมนตรี หว่อง ได้กล่าวในคลิปความยาว 5 นาที เตือนประชาชนชาวสิงคโปร์ อย่างจริงจังมาก ให้เตรียมรับ แรงกระแทกที่ กำลังจะตามมา

แม่น้ำที่เคยขึ้นลงตามปกติ นั้น เปลี่ยนทิศไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว เป็นภัยแห่งรัฐที่ชัดเจนมากๆ

โดย หว่อง กล่าวเตือนประชาชนชาวสิงคโปร์ ว่า โลกกำลังจะเปลี่ยนไป ในทางที่ กำลังเป็นโทษกับ ชาติเล็กๆ ที่เปิดกว้างทางการค้า อย่าง สิงคโปร์ หลายคนก็มีข้อสงสัยในมุมมองของผมอยู่ แต่ล่าสุด การประกาศ “วันแห่งเสรีภาพ” ของสหรัฐเรื่อง “ภาษี” ก็ทำให้ไม่ต้องสงสัยกันอีกต่อไป

การประกาศดังกล่าว คือ การสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ยักษ์ ของระเบียบโลก

ยุคแห่งกฎเกณฑ์ ที่ชัดเจน ของการค้าเสรี แห่ง “โลกาภิวัฒน์” นั้นจบลงแล้ว เรากำลังเข้าสู่ยุคแห่ง การกระทำตามอำเภอใจ ชาตินิยม และ ยุคแห่งความอันตราย

หลายทศวรรษที่ผ่านมา สหรัฐอเมริกา เป็นเสาหลัก แห่งการค้าเสรี ของโลก มาโดยตลอด เป็นผู้นำให้เกิดระบบการค้าที่มีกฎ กติกาชัดเจน หลายระบบ ซึ่งทำให้ แต่ละประเทศ สามารถมีการค้า ที่เป็นประโยชน์ร่วม (Win-Win Situation) ได้

WTO (World Trade Organization) นำมาซึ่งเสถียรภาพ ที่มั่นคง และ รุ่งเรืองทั้งโลก รวมถึง สหรัฐอเมริกาด้วย

ระบบอาจจะไม่ได้สมบูรณ์แบบ สิงคโปร์ และ หลายชาติ ก็มีความพยายาม จะช่วยกันปฏิรูป ให้ระบบการค้าเสรี นั้นทันสมัย และ ดีขึ้นมา โดยตลอด

แต่ที่ สหรัฐอเมริกา ประกาศล่าสุด ไม่ใช่การปฏิรูป แต่เป็นการละทิ้ง ระบบ WTO โดยสิ้นเชิงจากการประกาศ มาตรการภาษีตอบโต้ ของแต่ละประเทศ

หว่อง กล่าวว่า ถึงแม้สหรัฐอเมริกา จะประกาศมาตรการภาษี ของสิงคโปร์ ให้อยู่ในระดับต่ำสุดคือ 10% ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อ สิงคโปร์ ไม่มาก ในตอนนี้

แต่แรงกระแทก หลังจากนี้ จะรุนแรงขึ้นมาก เพราะ ถ้าแต่ละประเทศเลียนแบบ สหรัฐอเมริกา ไม่เอา WTO แล้ว และ ตั้งกำแพงภาษี และ การค้าตามใจชอบ หายนะจะตามมาโดยเฉพาะประเทศเล็กๆอย่าง สิงคโปร์ ความเสี่ยงสูงมากที่ สิงคโปร์ จะถูกบีบอย่างหนัก จนพินาศ

“เราเตรียมคาดหวังได้เลยว่า จะมีการตอบโต้สหรัฐฯ จากประเทศต่างๆอย่างหนักหน่วง ถึงแม้ สิงคโปร์ ตัดสินใจที่จะไม่ตอบโต้

แต่ประเทศอื่นอาจจะไม่ได้ทำแบบเรา แนวโน้มของ สงครามการค้า เต็มรูปแบบ มีสูงมาก

ผลกระทบของภาษีที่สูงขึ้นทั่วโลก และ ความไม่แน่นอน ของการตอบโต้ ของแต่ละประเทศ จะมีผลลบอย่างหนัก ต่อ เศรษฐกิจโลกแน่

มูลค่าการค้าโลก และ การลงทุน จะหดหาย และ อัตราการเติบโต จะช้าลงอย่างมาก” หว่อง กล่าว

สงครามการค้า มาแน่

หว่อง กล่าวว่า สิงคโปร์ จะโดนหนักกว่าชาติอื่น เพราะ เศรษฐกิจสิงคโปร์ ขึ้น กับการค้าโลกมากกว่าใคร

ครั้งสุดท้ายที่โลกเจออะไรแบบนี้ คือ ช่วงปี 1930 ที่ สงครามการค้านำไป สู่ สงครามย่อย

และในที่สุด ก็กลายเป็น สงครามโลกครั้งที่สอง ไม่มีใครรู้เลยว่า สถานการณ์จะออกหน้าไหนในเดือน หรือปี ที่จะถึง

แต่เรา จะต้องมองด้วยตาที่ชัดเจนร่วมกัน ถึง ภยันตราย ที่กำลังจะเกิดขึ้นในโลก

สถาบันสำคัญของโลก อ่อนแอลงเรื่อยๆ มาตรฐานต่างๆก็ทยอยพังทลาย ประเทศหลายๆประเทศก็ จะเริ่มเอาตัวเองรอด และ เอาตัวเองเป็นหลักก่อน และ จะใช้กำลัง ใช้แรงกดดันทุกวิถีทาง เพื่อให้ได้มาตามที่ตัวเองต้องการ

นี่คือ ความจริงที่โหดร้าย เราก็จะต้องเฝ้าระวัง อย่างเข้มข้น ต้องรีบ สร้างความแข็งแกร่งของเครือข่ายพันธมิตรของเรา ที่ยังมีแนวคิดคล้ายๆกัน

หว่อง กล่าวว่า สิงคโปร์ยังพอได้เปรียบประเทศอื่น ด้านทุนสำรอง ความสามารถในการทำงานร่วมกัน และความมุ่งมั่นที่เรามี แต่เราต้องเตรียมรับ แรงกระแทก จากวิกฤติ ที่กำลังจะมาถึง

ความสงบ และ มั่นคง ของโลกเดิมนั้น จะไม่กลับมาแน่ๆในระยะเวลาอันใกล้ เราคาดหวัง ไม่ได้แล้วว่า กฎระเบียบที่เคยช่วยปกป้องรัฐเล็กๆจะยังคงอยู่

“ผมอยากจะแชร์เรื่องนี้กับทุกท่าน เพื่อที่จะได้เตรียมตัวเตรียมใจ เพื่อที่เราจะได้ไม่ประมาท ไม่พลาดเพราะความไม่ใส่ใจ ความเสี่ยงครั้งนี้ชัดและแน่นอน เดิมพันก็สูงมาก หนทางข้างหน้าจะยากลำบากมากขึ้นมาก แต่ถ้าเรายังรวมพลังกันได้ สิงคโปร์ก็น่ายังรักษาตัวรอดได้ในโลกที่ปั่นป่วนและเละเทะนี้ได้” หว่อง กล่าว

การเตือนของ นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ถึงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงกฎกติกาการค้าโลก สู่ สงครามการค้า ที่เริ่มต้นขึ้นโดยประเทศยักษ์ใหญ่ อย่างสหรัฐอเมริกา ไม่เกินจริง ในขณะที่ประเทศไทย ก็น่าจะอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับประเทศสิงคโปร์

แล้วประเทศไทยจะอยู่ตรงไหน ของเกมส์ที่เปลี่ยนแปลงไปนี้ นอกจากภาคส่งออก ที่ได้รับผลกระทบแน่ๆ แล้ว ผู้เขียนเชื่อว่า การค้าขายภายในประเทศ ก็จะได้รับผลกระทบเช่นกัน เพราะ สินค้าที่เข้าสหรัฐฯ ไม่ได้จากประเทศต่างๆก็จะมาระบายไปสู่ ประเทศต่างๆ รวมทั้ง ไทย เป็นเกมส์ ที่ทำให้เกิดสงครามการค้าระดับย่อยๆ ไปทั่วโลก

ยังไม่พูดถึงกำลังซื้อที่หดตัวอย่างหนักและรวดเร็ว และ นักท่องเที่ยวที่หายไป

ในขณะที่รัฐบาลไทย ยังไม่มีนโยบายที่ชัดเจน กับ เกมส์การค้าที่เปลี่ยนแปลงไป นอกจากจะไปเจรจาหารือ เพื่อขอผ่อนปรนกับรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งส่วนตัวมองว่า ช้าเกินไป และ ที่สำคัญ เกมส์การค้านี้ เป็นโฉมหน้าใหม่ของการค้าโลก อย่างน้อยก็ 4 ปี ภายใต้การบริหารของ ประธานธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่ชื่อ โดนัลด์ ทรัมป์

ในขณะที่ผู้นำของไทย ยังคงวุ่นวายกับ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็ก แจกเงินดิจิทัล ฯลฯ โดยที่ไม่มีนโยบายที่ชัดเจนในเรื่อง กฎกติกาการค้าที่เปลี่ยนไป ไม่มีการเตือนประชาชน

สุดท้าย ต้องไปฟังนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ เพื่อดึงสติ คนไทย ว่า ถ้าไม่มีกลยุทธ์ที่ชัดเจน ในการแก้ปัญหาของประเทศที่ควรจะต้องแก้อย่างจริงจัง และ ลดความคิดทางการเมืองลงทุกฝ่าย

ที่มาของข้อมูล : https://youtu.be/A3hS93y7C0I?list=TLGGFH7VSZ9cFEQwNDA0MjAyNQ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : https://bangkokx.me/trump-thai-impact-04042025/

[addtoany]
Ellipse 1
กองบรรณาธิการ Bangkok X