
ปตท. ตั้งเป้า เพิ่มกระแสเงินสด กว่าแสนลบ. ปี 69 เน้นการบริหารสินทรัพย์ เร่งเดินหน้า โครงการ EBITDA Uplift ตามแผน เพื่อลดต้นทุน 10,000 ลบ. ปี 68
ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT กล่าวถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2568-2569 ว่า ปตท. มีเป้าหมายที่จะสร้างกระแสเงินสดเพิ่มอีกกว่า 1 แสนล้านบาท ภายใน 2 ปี (ระหว่างปี 2568-2569)
โดยแบ่งเป็นการเพิ่มกระแสเงินสด จำนวน 38,000 ล้านบาท ในปี 2568 และ ประมาณ 77,000 ล้านบาทในปี 2569
ในการเพิ่มกระแสเงินสดตามแผนที่วางไว้ บริษัท เน้นการดำเนินโครงการ Asset Monetization (A1) หรือการบริหารสินทรัพย์ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดของกลุ่ม ปตท. เพื่อเพิ่ม ผลการดำเนินงาน และ มีความมั่นคงในระยะยาว
พร้อมกับแสวงหาโอกาสในการสร้างผลกำไร รวมถึง เพิ่มผลตอบแทนจากเงินลงทุน (ROIC) จากเดิมอีก 5-10% จากฐานเดิม
ปตท. ตั้งเป้า เพิ่มกระแสเงินสด กว่าแสนลบ.
รุกการบริหารจัดการ ตามแผน EBITDA Uplift
ในขณะเดียวกัน ปตท. ยังคงเดินหน้า แผน EBITDA Uplift ภายใต้ ภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยแบ่งเป็นแผนระยะสั้น ประกอบด้วย
1.การบริหารความร่วมมือด้าน Supply Chain และ Marketing ของตลาดทั้งในและต่างประเทศ ผ่านโครงการ D1 และ Project One (P1) เพื่อยกระดับ Synergy ภายในกลุ่ม
ปตท.ตั้งเป้าจะเพิ่ม EBITDA ประมาณ 5,800 ล้านบาทต่อปี ภายในปี 2573 โดยในปี 2568 มีเป้าหมายอยู่ที่ 4,700 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 สามารถทำ EBITDA ได้แล้ว 2,300 ล้านบาท
2.โครงการ MissionX ในการปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มี ประสิทธิภาพ ควบคู่กับการทำ Change Management และ Best Practice Sharing เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน
ตั้งเป้าเพิ่ม EBITDA ประมาณ 30,000 ล้านบาท ภายในปี 2570 ซึ่งเป้าหมายปี 2568 อยู่ที่10,000 ล้านบาท และช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ทำได้แล้วราว 4,700 ล้านบาท
3.โครงการ AXIS การขับเคลื่อน Digital Transformation ตั้งเป้าจะเพิ่ม EBITDA ประมาณ 12,000 ล้านบาทต่อปี ภายในปี 2572 โดยเป้าหมายปี 2568 อยู่ที่ 200 ล้านบาท และช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ทำได้แล้วราว 60 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทมีตั้งเป้าโครงการลดต้นทุน (Cost Saving) ปี 2568 ประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาสามารถลดค่าใช้จ่ายดำเนินการได้แล้วราว 3,814 ล้านบาท
เร่งหาพันธมิตร และ ขยายตลาด LNG
ขณะที่แผน EBITDA Uplift ในระยะกลางมี 2 เรื่อง ได้แก่
1.การหาพันธมิตรร่วมลงทุนในกลุ่ม ธุรกิจโรงกลั่น และ ปิโตรเคมี ทั้ง 3 บริษัท คาดว่าจะมีความชัดเจน ในการคัดเลือกพันธมิตร เข้ามาลงทุนได้ภายในปี 2568 และ จะเริ่มดำเนินการได้ภายในปี 2569 ซึ่งการหา ผู้ร่วมลงทุน จะเป็น ผู้ประกอบการระดับโลก ที่สามารถเพิ่มมูลค่าให้กับบริษัทได้ ส่วนการแบ่งสัดส่วนการถือหุ้น ให้กับพันธมิตร ยังไม่สามารถระบุได้ แต่นโยบายของกลุ่มปตท. จะต้องเป็นเรือธง หรือ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุด
2.ตั้งเป้าหมายมุ่งสู่การเป็น Global LNG Player สร้างการเติบโต ขยาย LNG Portfolio สู่เป้าหมาย 10 ล้านตันต่อปี ภายในปี 2573 และ 15 ล้านตันต่อปี ภายในปี 2578 พร้อมลงนามข้อตกลง ร่วมศึกษาการจัดหา LNG ระยะยาว กับ บริษัท 8 Star Alaska, LLC ประเทศสหรัฐฯ ซึ่งหากราคาน่าสนใจก็คาดว่า กว่าจะมีการซื้อขายกันจริงในอีก 4 ปีข้างหน้า
เป้าหมายระยะยาว ขับเคลื่อนสู่การเป็นองค์กรยั่งยืน
ด้านแผนระยะยาวนั้น ดร. คงกระพัน กล่าวว่า ปตท. จะขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืน ควบคู่ การลดก๊าซเรือนกระจก (Sustainability) โดยดำเนินการศึกษา Eastern Thailand CCS Hub แล้วเสร็จ โดยมีการ FID โครงการ CCS ในแหล่งอาทิตย์ พร้อมแสวงหาโอกาสการลงทุนในต่างประเทศ
ส่วนด้านธุรกิจไฮโดรเจน มีการศึกษาโอกาส ในการจัดหา แอมโมเนียคาร์บอนต่ำ มาใช้เป็นเชื้อเพลิงร่วมในโรงไฟฟ้า
พร้อมลงนาม ข้อตกลงความร่วมมือ ศึกษาความเป็นไปได้ ทางเทคนิค และ เชิงพาณิชย์ ในการจัดหาไฮโดรเจนสีเขียว และ แอมโมเนียสีเขียว ที่ผลิตในประเทศอินเดีย สู่ประเทศไทยร่วมกับ Avaada Ventures Private Limited
ปตท. ตั้งเป้า เพิ่มกระแสเงินสด กว่าแสนลบ. ปี 69
ครึ่งแรกปี 68 กำไร 44,848 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานรอบ 6 เดือนแรกปี 2568 ดร. คงกระพัน กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทยังคงแข็งแกร่ง โดยมีกำไรสุทธิ 44,848 ล้านบาท เทียบกับ กำไรสุทธิของทั้งปี 2567 ซึ่งอยู่ที่ 90,072 ล้านบาท
ทำให้มั่นใจได้ว่า กลยุทธ์ของบริษัท มาถูกทาง แม้ว่าจะมีความท้าทาย จากปัจจัยภายนอกต่างๆ อาทิ สถานการณ์เศรษฐกิจโลก ที่ชะลอตัว ราคาน้ำมันดิบโลก ที่ปรับตัวลดลง ส่งผลให้มีส่วนต่างของกำไรขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน ประกอบกับ Spread ของผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและปิโตรเคมีที่ลดลง
นอกจากนี้ในปี 2567 ยังมีการรับรู้กำไรจากรายการพิเศษที่มากกว่าปี 2568 ซึ่งเป็นรายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นประจำ อย่างไรก็ตาม ปตท. ยังคงสามารถสร้างผลประกอบการที่แข็งแกร่ง
นอกจากนี้บริษัทคาดว่าจะเอาเรื่องการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวดครึ่งปีแรกของปี 2568 เข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) พิจารณาอนุมัติได้ภายในช่วงไตรมาสนี้ (Q3/68) พร้อมยืนยันการจ่ายเงินปันผลเป็นเรื่องที่บริษัทตระหนักและต้องพิจารณาให้ดี เพราะเป็นสิ่งที่ผู้ลงทุนคาดหวัง ดร. คงกระพัน กล่าว
ที่มาของข้อมูล : https://www.pttplc.com/th/Home.aspx
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : https://bangkokx.me/green-economy-28042025/
