
อสังหาฯ ครึ่งปีแรก 2567 รายได้ – กำไร ทรุด ลดลง 0.08% และ 23.33% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับ ระยะเดียวกันของ ปี 2566 และ มีความสามารถในการทำกำไร เหลือเพียง 8.60% แต่มี สินค้าคงเหลือ และ อยู่ระหว่างการก่อสร้าง เพิ่มขึ้น 3.02% ใช้เวลาในการขาย ประมาณ 27-28 เดือน
บริษัท แอล ดับเบิลยู เอส วิสดอม แอนด์ โซลูชั่นส์ จำกัด บริษัทวิจัย และ พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในเครือ บริษัท แอล พี เอ็น ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) ได้รวบรวม ผลการดำเนินงาน ครึ่งแรก ของปี 2567 ของ 40 บริษัทอสังหาริมทรัพย์ ที่จดทะเบียน ใน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่รายงาน ณ วันที่ 15 สิงหาคม 2567 พบว่า
รายได้รวม และ กำไรสุทธิ ของ 40 บริษัทอสังหาฯ ที่จดทะเบียน ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ครึ่งปีแรก 2567 มีมูลค่ารวม 154,767.62 ล้านบาท และ กำไรสุทธิที่ 13,322.01 ล้านบาท ลดลง 0.08% และ 23.33 % ตามลำดับ
เมื่อเทียบกับ รายได้รวม และ กำไรสุทธิ ของ 40 บริษัทอสังหาฯ ที่ จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในครึ่งปีแรก 2566 ที่มีมูลค่ารวม 154,894.87 ล้านบาท และกำไรสุทธิรวม 17,376.28 ล้านบาท
อสังหาฯ ครึ่งปีแรก 2567 รายได้ ความสามารถในการทำกำไรเหลือ 8.60%
โดยมี ความสามารถในการทำกำไร เฉลี่ยของ ทั้ง 40 บริษัท ใน ครึ่งปีแรก 2567 อยู่ที่ 8.60% ดีกว่า ไตรมาสแรกของปี 2567 ที่ มีความสามารถในการทำกำไร ที่ 7.68%
แต่ลดลงจาก ความสามารถในการทำกำไร ที่ 11.22% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2566
ขณะที่ สินค้าคงเหลือ บวกกับ สินค้าที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ของ บริษัทอสังหาฯ ทั้ง 40 บริษัท ในครึ่งแรกของ ปี 2567 อยู่ที่ 707,738.38. ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.02% จาก 686,956.35 ล้านบาท ณ สิ้นไตรมาสแรกของปี 2567
ซึ่งเมื่อเทียบ กับรายได้ ในครึ่งแรกของปี 2567 แล้ว สินค้าคงเหลือบวกกับ สินค้าที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ของบริษัทอสังหาฯ ทั้ง 40 บริษัท จะใช้เวลา ในการขาย ประมาณ 27-28 เดือน ในกรณี ที่ไม่มีการ เปิดตัวโครงการใหม่
บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) มีสินค้าคงเหลือและที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างสูงสุดเมื่อเทียบกับทั้ง40 บริษัท
โดยมี สินค้าคงเหลือ และ ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ที่ 103,970.83 ล้านบาท คิดเป็น สัดส่วน 14.69% ของ สินค้าคงเหลือ และ ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ของทั้ง 40 บริษัท

10 บริษัทที่มีรายได้สูงสุด มีส่วนแบ่งตลาดถึง 73.32%
เมื่อพิจารณารายได้รวมของ 10 บริษัทที่มีรายได้สูงสุด พบว่า อยู่ที่ 113,481.92 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 73.32% ของรายได้รวมทั้ง 40 บริษัท
ขณะที่กำไรสุทธิของบริษัท 10 อันดับแรกที่มีกำไรสูงสุดมีมูลค่ารวม 14,213.78 ล้านบาท สูงกว่ากำไรสุทธิรวมของ 40 บริษัท
เนื่องจาก มีบริษัทที่ ขาดทุนสุทธิทั้งสิ้น 15 บริษัทจาก 40 บริษัท ฉุดให้กำไรสุทธิรวมของทั้ง 40 บริษัท ต่ำกว่าของ 10 บริษัทที่มีกำไรสูงสุด
โดยบริษัทที่มีรายได้และกำไรสูงสุด 3 อันดับแรกได้แก่ บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด(มหาชน) และ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด(มหาชน)

ในขณะที่ สุรเชษฐ์ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเอ็นเอ (Property DNA) มองว่า ถึงแม้รายได้และกำไรโดยรวมของภาคอสังหาฯ จะชะลอตัว
แต่มี ผู้ประกอบการหลายราย ยังคงมี รายได้ที่มั่นคง มีกำไรต่อเนื่อง รวมถึง มีผู้ประกอบการบางราย มีรายได้เกือบจะ 50% ของเป้าหมายรายได้ ที่ตั้งไว้ ตลอดทั้งปี 2567 ทำให้ไม่วิตกกังวลมาก ในช่วงที่เหลือของปีนี้
อีกทั้งยังอาจจะมี การสร้างความประหลาดใจ ในช่วงปลายปี ได้อีกด้วย หากมีการเร่งการโอนกรรมสิทธิ์ ก่อนที่จะหมด มาตรการจากรัฐบาล ช่วงปลายปี 2567 ซึ่งมักจะเห็นได้เสมอ ในช่วงเวลาที่ มาตรการใกล้ครบกำหนด จะมีการเร่งการโอนกรรมสิทธิ์ จนตัวเลข ยอดขาย และ รายได้เพิ่มขึ้น ตลอดทุกครั้งที่มี มาตรการกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ออกมา
ดังนั้นช่วงที่เหลือของปี 2567 ถือเป็นช่วงเวลาที่ ผู้ประกอบการต่างๆ ยังสามารถ สร้างรายได้ได้อีก
โดยเฉพาะ จากโครงการที่สร้างเสร็จแล้ว หรือ กำลังจะสร้างเสร็จ พร้อมโอนกรรมสิทธิ์ ในปี 2567 เพื่อ ให้สอดคล้อง กับ มาตรการของรัฐบาล ส่วนผู้ประกอบการ ที่อาจจะมี โครงการไม่ต่อเนื่อง หรือ มีโครงการ ไม่ครอบคลุม ทุกระดับราคา ก็อาจจะต้องหา ช่องทางในการสร้างราย ได้มากขึ้น
นอกจากนี้การเข้าถึง กำลังซื้อต่างชาติ ถือเป็น อีกหนึ่งช่องทาง ที่ผู้ประกอบการ หลายราย พยายามกันมา อย่างต่อเนื่อง ในช่วงหลายปี ที่ผ่านมา ซึ่งไม่เพียงแต่ ผู้ซื้อจากประเทศจีน เท่านั้น
แต่ ผู้ประกอบการ บางราย ขยายตลาด ไปยังกลุ่มผู้ซื้อจาก ประเทศ ไต้หวัน อินเดีย ดูไบ รัสเซีย และยุโรป มากขึ้น รวมไปถึง กลุ่มผู้ซื้อจาก เมียนมา ที่อาจจะมีปัญหา ในช่วงนี้ สุรเชษฐ์ กล่าว
ที่มาของข้อมูล: www.lws.co.th
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: https://bangkokx.me/property-rvenue-q1-67/

Editor's Pick
