ด่วน ศาล รธน. มีมติ 6:3 สั่ง "แพทองธาร" พ้นนายกฯ
ด่วน! ศาล รธน. สั่ง 'แพทองธาร' พ้นนายกฯ

ด่วน ศาล รธน. มีมติ “แพทองธาร” พ้นนายกฯ ระบุ ผิดจริยธรรมร้ายแรง  ขณะที่ “แพทองธาร” 

เมื่อวันที่ 29 ส.ค.2568 เวลา 15.00 น. ศาลรัฐธรรมนูญ ออกนั่งบัลลังก์ อ่านคำวินิจฉัย เรื่องพิจารณาที่ 18/2568 คดีกล่าวหาความเป็นรัฐมนตรีของ นางสาว แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่

จากกรณีคลิปเสียง สนทนาระหว่าง นางสาว แพทองธาร กับ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา

โดยศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 วินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีของ นางสาว แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง(4) ประกอบมาตรา 160 (4)(5)

 

ด่วน ศาล รธน. มีมติ ‘แพทองธาร’ พ้นนายกฯ

“ไม่พิทักษ์ ผลประโยชน์ชาติ”

จากกรณีคลิปเสียงสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร กับสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา โดยศาลเห็นว่า การเจรจาของนายกรัฐมนตรีกับสมเด็จฮุนเซน ตามคลิปเสียงดังกล่าว มีลักษณะเป็นการ ไม่พิทักษ์รักษาผลประโยชน์ของชาติ เป็นการถือเอาผลประโยชน์ของสมเด็จฮุนเซน เหนือกว่าผลประโยชน์ของประเทศชาติ จึงเข้าข่ายมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง

โดยให้มีผลความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงนับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม และมีผลให้คณะรัฐมนตรีทั้งคณะสิ้นสุดลง

คำพิพากษาดังกล่าว มาจากกรณีที่สมาชิกวุฒิสภา (สว.) รวม 36 คน เข้าชื่อเสนอคำร้องต่อประธานวุฒิสภา (ผู้ร้อง) ว่า ปรากฏคลิปเสียงการสนทนาระหว่าง นางสาว แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี (ผู้ถูกร้อง) กับสมเด็จ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา เผยแพร่ทางสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2568 ซึ่งผู้ถูกร้องแถลงข่าวยอมรับว่าเป็นเสียงการสนทนาของตนกับสมเด็จ ฮุน เซน จริง

แม้ผู้ถูกร้องจะแถลงข่าวในเวลาต่อมาว่า เป็นการพูดคุยทางโทรศัพท์แบบส่วนตัว โดยมีเจตนาที่จะ เจรจาต่อรองอย่างนุ่มนวล เพื่อรักษาไว้ซึ่งความสงบสุข และ อธิปไตยของไทยก็ตาม แต่ผู้เข้าชื่อเสนอคำร้องเห็นว่า ผู้ถูกร้องแสดงออก ถึงความนิ่งเฉย และ ไม่ปฏิบัติหน้าที่โต้ตอบ หรือ กำหนดมาตรการรวมถึง การเจรจาระหว่างประเทศด้วยตนเอง ให้เป็นที่ประจักษ์ ตามหน้าที่ความรับผิดชอบ ที่บุคคลผู้อยู่ในสภาวะ วิสัย และ พฤติการณ์แห่งความเป็นนายกรัฐมนตรีพึงกระทำ

 เพราะเหตุแห่งความสัมพันธ์ส่วนตัว ในลักษณะเป็นฝั่งเดียวกันกับกัมพูชา พร้อมที่จะทำตามหรือจัดการตามที่ฝ่ายกัมพูชาต้องการมาโดยตลอด ส่วนแม่ทัพภาคที่ 2 ผู้ถูกร้องเห็นว่าเป็นฝ่ายตรงกันข้าม

ผู้ถูกร้องไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 422 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) และ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้ก่อนจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย

ขณะที่  นางสาวแพทองธาร กล่าวภายหลังการรับฟังมติของศาลรัฐธรรมนูญ ยอมรับคำตัดสิน พร้อมยืนยัน ตนทำหน้าที่ของตนเองดีที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับประเทศชาติ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : https://bangkokx.me/thousands-of-protesters-in-02082025/

ที่มาของข้อมูล : https://www.constitutionalcourt.or.th/th/occ_web/

 

 

[addtoany]
Ellipse 1
กองบรรณาธิการ Bangkok X