
พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เปิดแผน 3 ปี (2569-2571) เร่งยอดขายแตะ หมื่นล้านบาท ปรับโครงสร้างทางการเงิน มุ่งลดภาระหนี้ลง 50% ในปี 2570 วางเป้าขายสินทรัพย์ต่อเนื่อง 3 ปี เร่งสร้างยอดขายให้กลับมาแตะระดับ 10,000 ล้านบาทในปี 2571
เน้นพัฒนา สินค้ากลุ่มบ้านระดับราคาปานกลาง พร้อมปรับโครงสร้างธุรกิจ เพื่อลดค่าใช้จ่ายลง 20% ภายในปี2569 มั่นใจจุดแข็งพอร์ตที่ดิน ในทำเลศักยภาพ ความร่วมมือกับพันธมิตรต่างชาติ และ ประสบการณ์ 40 ปี เป็นปัจจัยหนุนให้บริษัทกลับมาเติบโตในระยะยาว ศานิต อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) กล่าว
ศานิต กล่าวว่า ท่ามกลางความท้าทายรอบด้าน ทั้งจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว กำลังซื้อของผู้บริโภคที่อ่อนแรงลง ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ยังเผชิญแรงกดดัน จากความเชื่อมั่นของผู้ซื้อที่ถดถอย ขณะที่การปฏิเสธสินเชื่อ ยังอยู่ในอัตราสูง
พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เปิดแผน 3 ปี
ลดหนี้ เพิ่มยอดขาย ปรับโครงสร้างธุรกิจ
บริษัทตระหนักดีถึงสถานการณ์ดังกล่าว จึงได้เตรียมพร้อมรับมือเดินหน้า ฝ่าวิกฤตด้วยแผนกลยุทธ์ ใน 3 ปี ภายใต้เป้าหมายหลัก 3 ประการ คือ ลดภาระหนี้ สร้างยอดขายเพิ่มรายได้ และปรับโครงสร้างธุรกิจ เพื่อให้สามารถฟื้นตัวได้อย่างมั่นคง
แนวทางสำคัญของบริษัท คือ การปรับโครงสร้างทางการเงิน โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการ ลดภาระหนี้ลง 50% ภายในปี 2570 เพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน ให้สามารถดำเนินการตามแผนธุรกิจที่วางไว้
บริษัทยังมีแผนการขายทรัพย์สินที่ไม่ใช่ทรัพย์สินหลัก (Non-Core Assets) ภายในระยะ 3 ปี เริ่มจากปี 2569 มีแผนขายสินทรัพย์มูลค่า 300 ล้านบาท ปี 2570 มูลค่า 2,500 ล้านบาท และปี 2571 มีเป้าหมายขายสินทรัพย์เพิ่ม อีกกว่า 1,500 ล้านบาท เพื่อสนับสนุน แผนการลดหนี้ และ เพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน
“บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจา กับ สถาบันการเงิน เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ให้มี ความยืดหยุ่นมากขึ้น พร้อมเตรียมจัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้ ในวันที่ 6 สิงหาคมนี้ เพื่อขออนุมัติเปลี่ยนแปลง รายละเอียด การชำระคืนหุ้นกู้จำนวน 15 ชุด ซึ่งจะครบกำหนดไถ่ถอนระหว่างเดือนสิงหาคม 2568 ถึงมกราคม 2570
โดยบริษัทเสนอขยายระยะเวลาไถ่ถอนทุกชุดออกไป 2 ปี และ ปรับเพิ่มดอกเบี้ยอีก 0.25% ต่อปี เพื่อให้สามารถบริหารกระแสเงินสดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ เสริมความสามารถในการจัดการชำระคืนหนี้ หุ้นกู้ ทั้งนี้ บริษัทตระหนักถึงความสำคัญของผู้ถือหุ้นกู้ และ ยังคงยึดมั่นในการดำเนินงาน โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นกู้ทุกท่าน” ศานิต กล่าว
เร่งสร้างรายได้-ปรับโครงสร้างธุรกิจ
ด้านแผนธุรกิจ บริษัทมุ่งเน้นฟื้นรายได้ ผ่านการสร้างยอดขายให้เติบโต โดยตั้งเป้าให้ยอดขายกลับมาสู่ระดับ 10,000 ล้านบาทภายในปี 2571
กลยุทธ์หลักจะมุ่งไปที่สินค้า กลุ่มบ้านระดับ ราคาปานกลาง ซึ่งยังคงมีกำลังซื้อในตลาด ขณะเดียวกัน จะทยอยลดสัดส่วน สินค้ากลุ่มคอนโดมิเนียม
ปัจจุบันบริษัทมี สินค้าพร้อมขายรวม มูลค่า 6,000 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการแนวราบ 2,500 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 3,500 ล้านบาท โดยจะเร่งระบายสต็อก ในโครงการที่สามารถรับรู้รายได้ทันที
นอกจากนี้ยังมีสินค้าที่อยู่ระหว่างก่อสร้างอีก 2,220 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ บริษัทยังคงมีจุดแข็งที่สำคัญ ได้แก่ การถือครองทรัพย์สินในทำเลศักยภาพ ทั่วกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นทำเลที่มีความต้องการ ด้านที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่องและเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญ ตลอดจนทำเลที่มีการเติบโตและมีมูลค่าเพิ่มขึ้นมาโดยตลอด อย่างเขาใหญ่ หัวหิน และ เชียงใหม่
บริษัทยังเดินหน้าปรับโครงสร้างทางธุรกิจ และ โครงสร้างองค์กร เป้าหมายหลักคือลดค่าใช้จ่ายลง 20% ภายในปี 2569 โดยมีแผนเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการดำเนินงานและระบบบริหารจัดการให้มีความกระชับคล่องตัว ยกระดับความสามารถในการทำกำไร เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน
“ที่ผ่านมาบริษัทยังได้รับความไว้วางใจจากพันธมิตรระดับโลก อาทิ Sumitomo Forestry และ Sekisui Chemical จากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีความร่วมมือระยะยาว ในพัฒนาโครงการทั้งแนวราบ และ คอนโดมิเนียม
สะท้อนถึง ความเชื่อมั่นในศักยภาพ ของบริษัทในสายตานักลงทุนต่างชาติ อีกทั้งประสบการณ์ 40 ปีในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และ ความสามารถในการบริหารจัดการ ภายใต้สภาวะท้าทาย บริษัทสามารถ ผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจ ที่มีผลกระทบในระดับโลก มาแล้วหลายครั้ง และ สามารถปรับตัวฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งแผนระยะ 3 ปี ของบริษัทครั้งนี้ ไม่เพียงมุ่งรับมือกับความท้าทาย ในปัจจุบัน แต่ยังเป็นการวางรากฐาน ใหม่ เพื่อสร้างความมั่นคงในอนาคต” ศานิต กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : https://bangkokx.me/property-q1-16052025/
ที่มาของข้อมูล : https://www.pf.co.th/th/home
