ธุรกิจออนไลน์ ไทย ใช้ AI สูงสุด ในอาเซียน
ธุรกิจออนไลน์ ไทย ใช้ AI สูงสุด ในอาเซียน 

ธุรกิจออนไลน์ ไทย ใช้ AI สูงสุด ในอาเซียน  ในขณะที่ อินโดนีเซีย เวียดนาม ใช้ AI ใน ธุรกิจ E-Commerce สูงสุด

 ลาซาด้า ผู้นำแพลตฟอร์ม อีคอมเมิร์ซ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เผยแพร่ รายงานเกี่ยวกับผู้ขายออนไลน์ ในหัวข้อ โอกาสจาก AI: เปิดมุมมองและเทรนด์การใช้งาน AI ของผู้ขายออนไลน์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Bridging the AI Gap: Online Seller Perceptions and Adoption Trends in SEA)

ซึ่งจัดทำร่วมกับ กันตาร์ (Kantar) เพื่อสำรวจ ความคิดเห็นของ ผู้ขาย บนแพลตฟอร์ม อีคอมเมิร์ซ จำนวน 1,214 ราย ใน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และ เวียดนาม

เพื่อศึกษา แนวโน้มการใช้งานเทคโนโลยี AI รวมถึง ความท้าทาย และ โอกาสต่าง ๆ ที่สะท้อน ให้เห็นความพร้อมของผู้ขาย ในการนำ AI มาใช้ใน การดำเนินธุรกิจ

โดยรายงานเผยว่า 1 ใน 4 ของผู้ขาย ทั่วภูมิภาค มีความเชี่ยวชาญ ในการใช้งาน AI ในธุรกิจ ในขณะที่ 3 ใน 4 ของผู้ขาย ยังต้องการ การสนับสนุน ในการใช้ AI ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

ธุรกิจออนไลน์ ไทย ใช้ AI สูงสุด ในอาเซียน 
ธุรกิจออนไลน์ ไทย ใช้ AI สูงสุด ในอาเซียน

ธุรกิจออนไลน์ ไทย ใช้ AI สูงสุด

จากผลการศึกษา พบว่า ผู้ขายออนไลน์ใน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความคุ้นเคย กับ เทคโนโลยี AI เป็นอย่างมาก

โดยในประเทศไทย ผู้ขายออนไลน์ 46% ระบุว่า รู้จักเทคโนโลยี AI และ เชื่อว่าสามารถนำ AI มาใช้ในกระบวนการดำเนินธุรกิจในสัดส่วน  54%  แม้จะมีการใช้งานจริงเพียง 39% ของกระบวนการดำเนินธุรกิจเท่านั้น

แสดงให้เห็นถึง ช่องว่างที่ชัดเจนระหว่าง การรับรู้ และ การนำ AI ไปใช้จริง โดย ประเทศไทย ยังเป็นประเทศที่มีช่องว่างระหว่างการรับรู้และการนำ AI ไปใช้จริงสูงที่สุดในภูมิภาค อยู่ที่ราว 15% ชี้ให้เห็นโอกาสในการนำ AI มาใช้ในการดำเนินธุรกิจสำหรับผู้ขายที่ยังมีอีกมาก

การประเมิน ความคุ้มค่าระหว่าง ประสิทธิภาพของ AI และ ต้นทุน ถือเป็นอีก ปัจจัยสำคัญ ที่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของผู้ขายไทย

แม้ว่า 99% จะตระหนักถึง ศักยภาพของ AI ใน การเพิ่มประสิทธิภาพ การดำเนินธุรกิจ แต่กว่า 80% ยังคง ไม่มั่นใจ ในประโยชน์ของ AI

นอกจากนี้ ยังพบว่า ผู้ขายในไทยเป็นกลุ่ม ที่ให้ความสำคัญ เรื่อง ค่าใช้จ่ายมากที่สุด ในภูมิภาค

โดย 84% กังวลกับ ค่าใช้จ่าย ในการพัฒนาทักษะ ของทีมงาน แม้ ผู้ขายทุกราย จะเห็นว่า การใช้ AI ช่วยประหยัดต้นทุนของธุรกิจ ได้ในระยะยาว

ผลการศึกษายังเผยให้เห็นถึง ช่องว่างของการนำ AI มาประยุกต์ใช้จริง โดยชี้ให้เห็น ว่า แม้ผู้ขาย จะตระหนักถึงความสำคัญของ เทคโนโลยี AI แต่ กลับประสบปัญหา ในการนำไปใช้ อย่างมีประสิทธิภาพ

ผู้ขายออนไลน์ ไทย 100% เล็งเห็นศักยภาพ ของ AI ใน การยกระดับประสิทธิภาพ การทำงาน ของพนักงาน

อย่างไรก็ตาม ผู้ขายกว่า 88% ยอมรับว่า พนักงานยังคงเลือก ใช้เครื่องมือ ที่คุ้นเคยมากกว่า การเปลี่ยนไปใช้ โซลูชัน AI ใหม่ ๆ ซึ่ง สะท้อนให้เห็นถึง ความท้าทาย ในการเปลี่ยนผ่าน จากระบบการทำงาน แบบที่คุ้นเคย สู่ การปรับมาใช้โซลูชัน AI ในการดำเนินธุรกิจ

“อินโดนีเซีย VS เวียดนาม” ใช้งาน AI ในการดำเนินธุรกิจ 42%

 

ในระดับภูมิภาค อินโดนีเซีย และ เวียดนาม เป็นผู้นำ ในการประยุกต์ใช้ AI ในธุรกิจ ด้วยอัตราการใช้งาน 42% ของกระบวนการดำเนินธุรกิจทั้งหมด ตามด้วย สิงคโปร์ และ ไทย ที่มีอัตราการใช้งานอยู่ที่ 39%

ผลการศึกษา ยังได้วิเคราะห์ การนำ AI มาใช้ใน 5 ส่วนหลัก ในการดำเนินธุรกิจ ได้แก่

1.การจัดการการดำเนินงานและโลจิสติกส์

2.การบริหารจัดการสินค้า

3.การตลาดและการโฆษณา

4.การบริการลูกค้า

  1. การบริหารจัดการบุคลากร

โดยแบ่ง ผู้ขายออกเป็น 3 ประเภท คือ

  • มือโปรด้าน AI (AI Adepts): ผู้ขายที่ประยุกต์ใช้ AI ในอย่างน้อย 80% ของกระบวนการดำเนินธุรกิจ และถือเป็นกลุ่มผู้นำของการใช้งาน AI โดยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีผู้ขายเพียง 1ใน 4 (24%) ที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้
  • มือใหม่ด้าน AI (AI Aspirants): ผู้ขายที่นำ AI มาใช้ในการดำเนินธุรกิจบางส่วน แต่ยังคงพบกับความท้าทายในการใช้งานในส่วนที่สำคัญ โดย 50% ของผู้ขายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จัดอยู่ในกลุ่มนี้
  • มือดั้งเดิม ไม่แตะ AI (AI Agnostics): ผู้ขายที่ยังไม่มีการนำ AI มาใช้ในการดำเนินธุรกิจ โดย 26% ของผู้ขายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้

เมื่อพิจารณาภาพรวมของภูมิภาค ผู้ขายส่วนใหญ่ (76%) จัดอยู่ในกลุ่มมือใหม่ด้าน AI (AI Aspirants) และมือดั้งเดิม ไม่แตะ  (AI Agnostics)

ซึ่งชี้ให้เห็นถึง ความต้องการโซลูชันด้าน AI ที่มี ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วย AI (42%) และ การสนับสนุนผู้ขายอย่างครบวงจรยิ่งขึ้น (41%)

ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่า ประเทศไทย มีผู้ขายที่อยู่ในสัดส่วนของ กลุ่มมือโปรด้าน AI (AI Adepts) มากที่สุด ในภูมิภาค

โดยมีผู้ขาย 30% ที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้ เป็นผลจาก ความเชื่อมั่น และ การยอมรับ ในเทคโนโลยีของ ผู้ประกอบการ และ โครงสร้างพื้นฐาน ที่สนับสนุนการใช้งาน AI ซึ่งช่วยให้กระตุ้นการใช้ AI อย่างเป็นรูปธรรม

โดยมีการนำ AI มาใช้สูงสุด ในการจัดการดำเนินธุรกิจ และ งานด้านโลจิสติกส์ ด้วยอัตราการใช้งานสูงถึง 42%

โดยเฉพาะในกระบวนการที่ซับซ้อน เช่น การคืนสินค้า และ การคืนเงิน รวมถึง การติดตามสินค้า ซึ่งได้มีการนำระบบอัตโนมัติ มาใช้แล้ว

ในขณะที่การนำ AI มาใช้ใน ด้านการตลาด และ การบริหารจัดการ ด้านสินค้า ยังคงมีอัตราการใช้งานที่ต่ำกว่า (38%)

ซึ่งชี้ให้เห็นว่า ฟังก์ชันที่ช่วยวิเคราะห์การรีวิวจากลูกค้า และการใช้ AI เข้ามาช่วยสร้างสรรค์งานโฆษณา ถือเป็นด้านที่ผู้ขายต้องการการสนับสนุนเพิ่มเติม

ลาซาด้า เดินหน้า หนุน ผู้ขายออนไลน์ ใช้ AI ในการทำงาน

เจมส์ ตง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ลาซาด้า กรุ๊ป กล่าวว่า จากผลการศึกษาดังกล่าว ในฐานะแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ชั้นนำ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลาซาด้า มุ่งมั่นที่จะสนับสนุนให้ ผู้ขายสามารถต่อยอดความรู้ด้าน AI  ไปสู่การใช้งานจริง ผ่าน การพัฒนาโซลูชัน AI ที่ตอบโจทย์ ความท้าทายของผู้ขาย ในแต่ละตลาด ที่กำลังเผชิญอยู่

เพื่อทำให้ เทคโนโลยีเป็นสิ่งที่ทุกคน สามารถเข้าถึงได้ โดยไม่จำกัดอยู่เพียง ผู้ขายรายใหญ่ หรือ ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ ทางเทคนิค เท่านั้น ด้วยเป้าหมายในการขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน

ธุรกิจออนไลน์ ไทย ใช้ AI สูงสุด ในอาเซียน

เจมส์ ตง กล่าว เพิ่มเติมว่า เพื่อส่งเสริมให้ผู้ขายสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI ในการดำเนินธุรกิจ ได้อย่างเต็มศักยภาพ ลาซาด้า เปิดตัว “คู่มือการเตรียมพร้อมด้าน AI สำหรับผู้ขายออนไลน์ (Online Sellers Artificial Intelligence Readiness Playbook)

ซึ่งจัดทำขึ้น เพื่อแนะแนวทางเชิงกลยุทธ์ ที่เหมาะสม กับ ระดับความพร้อมด้าน AI ของผู้ขายแต่ละราย

 โดยการศึกษาได้เผย ให้เห็นว่า ผู้ขายได้เริ่มนำโซลูชัน ที่ขับเคลื่อนด้วย AI บนแพลตฟอร์มของลาซาด้า มาใช้

เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ในการดำเนินงาน ซึ่งเป็นการตอกย้ำ ถึงความมุ่งมั่นของ ลาซาด้า ในการลงทุน ในนวัตกรรม AI ที่ทันสมัยและพัฒนาเครื่องมือขั้นสูงอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับ การดำเนินงานของ ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ขาย

ที่ผ่านมา ผู้ขายกว่า 67% แสดง ความพึงพอใจเป็นอย่างมากกับฟีเจอร์ AI บนแพลตฟอร์มลาซาด้า

ล่าสุด  ลาซาด้า จึงได้เตรียมเปิดตัวฟีเจอร์ Generative AI (GenAI) ใหม่ที่ออกแบบมา เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับผู้ขายและพัฒนารายการสินค้า ซึ่งจะช่วยลดความซับซ้อนในการดำเนินงาน และเพิ่มประสิทธิภาพในการเพิ่มยอดขาย เช่น

  1. ฟีเจอร์การสร้างรายการสินค้าด้วย AI (AI Smart Product Optimisation):

เครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี GenAI นี้จะช่วยแนะนำผู้ขายในการปรับปรุงรายการสินค้าให้น่าดึงดูดยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นชื่อผลิตภัณฑ์ คำอธิบาย ตลอดจนรูปภาพ

โดยผู้ขายสามารถสร้างสรรค์ภาพของผลิตภัณฑ์ระดับมืออาชีพได้ในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งประกอบด้วย ฟีเจอร์การลองสินค้าเสมือนจริง (Virtual Try-Ons) การปรับแต่งพื้นหลัง (Background Modifications) และการปรับเปลี่ยนโมเดลอัตโนมัติ (Model Adjustments)

  1. ฟีเจอร์แปลภาษา (AI-Powered Translations):

ฟีเจอร์แปลภาษาจะช่วยแปลเนื้อหาผลิตภัณฑ์เป็นภาษาต่าง ๆ ได้โดยอัตโนมัติ ทำให้ผู้ขายสามารถขยายการเข้าถึงไปยังตลาดที่หลากหลายได้อย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำ

  1. ผู้ช่วยการขาย Lazzie Seller:

ผู้ช่วยแชทบอท AI จาก Alibaba Seller Centre (ASC) จะช่วยตอบคำถามที่พบบ่อยได้ในทันที พร้อมแนะนำฟีเจอร์หลักที่เหมาะสม การประเมินความเสี่ยงของร้านค้า และให้คำแนะนำทางธุรกิจ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและการเติบโตของผู้ขาย

ที่มาของข้อมูล : https://lazada-com.oss-ap-southeast-1.aliyuncs.com/215-press-release.pdf

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : https://bangkokx.me/ai-business-15032025/

[addtoany]
Ellipse 1
กองบรรณาธิการ Bangkok X