
“ราคาทอง” แตะ 4 หมื่นบาท ต่อ บาท ทองคำ ตามที่ สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์ก ปิดพุ่งขึ้น แตะระดับสูงสุด เป็นประวัติการณ์ใน วันพุธ (3 เม.ย.) ที่ 2,315 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อ ออนซ์
“ราคาทอง” แตะ 4 หมื่นบาท ต่อ บาท ทองคำ ในขณะที่ ราคาทอง รูปพรรณ ในไทย แตะ 40,000 บาท ต่อ บาททองคำ เนื่องจาก นักลงทุนขาน รับถ้อยแถลง ของ ประธานธนาคาร กลางสหรัฐ(เฟด) เจอโรม พาวเวล ที่แสดงมุมมองบวก ต่อ ภาพรวมของเศรษฐกิจสหรัฐ
พาวเวล กล่าว สุนทรพจน์ในการประชุมว่า ด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจ ซึ่งจะจัดขึ้นที่ มหาวิทยาลัย สแตนฟอร์ด เมื่อวานนี้ (3 เมษายน 2567) โดยเขาได้แสดง ความเชื่อมั่นต่อ เศรษฐกิจสหรัฐ และ การใช้นโยบายการเงินของเฟด
ทั้งนี้ พาวเวลกล่าวว่า “เฟด กำลังใช้เครื่องมือ ในการทำให้เงินเฟ้อ ปรับตัวลงสู่ ระดับ 2 % ขณะเดียวกัน ก็รักษา ความแข็งแกร่ง ทางเศรษฐกิจ เช่นกัน
ตัวเลข การจ้างงาน และ เงินเฟ้อในระยะนี้ ต่างก็อยู่ สูงกว่า ที่มีการคาดการณ์ ไว้ แต่ข้อมูลดังกล่าว ไม่ได้เปลี่ยนแปลง ภาพรวม อย่างมี นัยสำคัญ ซึ่งยังคงบ่งชี้ การขยายตัว ทางเศรษฐกิจ ที่แข็งแกร่ง ตลาดแรงงาน ที่มีการปรับสมดุล
ขณะที่ เงินเฟ้อ กำลังปรับตัวลง สู่ระดับ 2% แม้บางครั้ง อาจไม่ต่อเนื่อง”
“ราคาทอง” แตะที่ 4 หมื่นบาท
ตลาดทองคำ ยังได้แรงหนุน หลังจาก แมรี ดาลี ประธานเฟด สาขา ซานฟรานซิสโก และ ลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟด สาขาคลีฟแลนด์ คาดการณ์ว่า
เฟด จะปรับลด อัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ โดย ดาลีและ เมสเตอร์ ต่างก็เป็น กรรมการที่มี สิทธิ์ออกเสียง ในการกำหนด นโยบายการเงิน ของเฟดในปีนี้
นักลงทุน จับตา การเปิดเผย ตัวเลข จ้างงาน นอกภาคเกษตร ประจำเดือน มีนาคม ของ สหรัฐใน วันศุกร์นี้ โดย นักวิเคราะห์ คาดการณ์ว่า
ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเพียง 205,000 ตำแหน่ง ซึ่งชะลอตัวลงหลังจากที่เพิ่มขึ้น 275,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.9% ในเดือนมี.ค.
จากแนวโน้มดังกล่าวทำให้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 33.2 ดอลลาร์ หรือ 1.45% ปิดที่ 2315.0 ดอลลาร์/ออนซ์
ในขณะที่ พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่า
ราคาทองคำ ในตลาดโลก ได้ปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง ทำจุดสูงสุด ตลอดกาล อีกครั้งที่ 2,315ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ส่งผลให้นับจากต้นปีที่เปิดมาที่ 2,062 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ จนถึงระดับ All Time High ปรับขึ้นมาแล้วถึง 253 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +12.26%
ส่วนราคาทองคำแท่งในประเทศ 96.5% เปิดตลาดเมื่อต้นปีที่ 33,550 บาทต่อบาททองคำ และได้ปรับตัวขึ้นมาถึงบริเวณ 39,600 บาทต่อบาททองคำ ส่วนทองคำรูปพรรณล่าสุดราคาได้ทะลุ 40,000 บาท ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ให้ไว้เช่นกัน
การปรับขึ้นมาครั้งนี้ถือว่ามีนัยสำคัญ เนื่องจากราคากำลังทดสอบเป้าหมายที่ YLG ให้ไว้ว่าจะไปถึง 2,300 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ภายในครึ่งปีแรก อย่างไรก็ดี ความร้อนแรงของราคาทองคำในครั้งนี้ แม้ในระยะสั้นอาจเริ่มเห็นแรงขายทำกำไร แต่เมื่อราคาย่อตัวจะเป็นโอกาสเข้าซื้อใหม่ ในระยะยาวยังค่อนข้างแข็งแกร่ง มองว่าไปต่อได้ YLG จึงได้ปรับประมาณการณ์เป้าหมายใหม่ไปที่ 2,350 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์
ปัจจัยสนับสนุนหลักๆ มาจาก 4 ปัจจัย ดังนี้
- คาดการณ์วงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สิ้นสุดลงแล้ว และเตรียมปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้: ตลาดคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยถึง 3 ครั้งในปีนี้ ส่งผลกดดันดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐให้ร่วงลง จนเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำให้ทะยานขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.เป็นต้นมา และจากการประชุมเฟดรอบล่าสุดในเดือนมี.ค. Dot Plot ระบุว่าเจ้าหน้าที่เฟดคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ 3 ครั้งในปีนี้เช่นกัน
- โมเมนตัมทางเทคนิค หลังจากราคาทะลุเป้าหมายของปีนี้: ราคาทะลุแนวสำคัญทางเทคนิคหลายประการ ทั้งนี้ ในวันที่ 1 มี.ค. 67 ราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวเป็นทิศทางขาขึ้น สามารถเบรกเส้นค่าเฉลี่ย และยังเคลื่อนไหวอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยได้ทุกระยะ พร้อมทั้งทะลุจุดสูงสุดเดิมของราคาทองคำอย่างต่อเนื่อง เมื่อย่อตัวลงก็มีการยกระดับต่ำสุดขึ้นมาได้ ซึ่งทำให้ภาพรวมราคาทองคำเปลี่ยนจากแกว่งตัว (Sideway) เป็นปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง (Bullish)
- ความต้องการทองคำที่แข็งแกร่งจากจีน: ราคาทองคำในจีนซื้อขายในระดับราคาที่สูงกว่าราคาทองคำในตลาดโลก (Premium) เป็นหนึ่งในตัวเลขที่สะท้อนปริมาณความต้องการทองคำในจีนได้เป็นอย่างดีในเวลาที่ปริมาณความต้องการทองคำในจีนที่เพิ่มสูงขึ้น แรงซื้อทองคำจากชาวจีนจะเป็นปัจจัยผลักดันราคาทองคำในประเทศจีนให้ปรับตัวสูงขึ้นตาม
นอกจากนี้ ยังเกิดมีการไหลเข้าของเงินทุนสู่กองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยนทองคำของจีน (ETFs) เป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน โดยมีกระแสเงินทุนไหลเข้า 778 ล้านหยวน (109 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และผลักดันสินทรัพย์ภายใต้การจัดการกองทุน (AUM) พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 3.1 หมื่นล้านหยวน (4.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) YLG เชื่อว่าความต้องการทองคำที่แข็งแกร่งจากจีนทั้งในด้านทองคำกายภาพและกองทุน ETFs เป็นส่วนหนึ่งที่ผลักดันราคาทองคำในปีนี้
- แรงซื้อทองคำจากธนาคารกลางทั่วโลกที่ยังคงดำเนินต่อไปในปี 67: ธนาคารกลางทั่วโลกเดินหน้าถือครองทองคำเพิ่มอีก 39 ตันในเดือนม.ค. นำโดยตุรกีและจีนเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ โดยเพิ่มการถือครองทองคำ 12 ตัน และ 10 ตัน ตามลำดับ ส่งผลให้ธนาคารกลางทั่วโลกซื้อสุทธิทองคำเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน
ดังนั้น แรงซื้อจากธนาคารกลางจึงจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ ขณะที่ World Gold Council คาดว่าปี 67 จะเป็นปีที่แข็งแกร่งอีกปีหนึ่งของความต้องการทองคำจากธนาคารกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศในตลาดเกิดใหม่
ที่มาของข้อมูล : https://goldprice.org
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : https://bangkokx.me/bot-interest-gdp-29-11-2023/

Editor's Pick
