EGCO Group ท็อปฟอร์ม Q1/2568 กำไรสุทธิพุ่ง 115%
EGCO Group ท็อปฟอร์ม Q1/2568

EGCO Group ท็อปฟอร์ม Q1/2568 กำไรสุทธิพุ่ง 115% เร่งเครื่อง ขยายการลงทุน ในธุรกิจไฟฟ้า และ พลังงานเกี่ยวเนื่อง มั่นใจทั้งปี รายได้ กำไร ได้ตามแผน

EGCO Group ท็อปฟอร์ม Q1/2568
ดร. จิราพร ศิริคำ

ดร. จิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ EGCO Group เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมพลังงานทั่วโลก เผชิญกับ สภาพแวดล้อม ทางธุรกิจ ที่ผันผวนอย่างมาก จากความตึงเครียด ทางภูมิรัฐศาสตร์ สงครามการค้า และ การชะลอตัวของ เศรษฐกิจทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม EGCO Group ยังสามารถบริหารจัดการ พอร์ตโฟลิโอ และ การเดินเครื่องโรงไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมสร้างการเติบโต อย่างต่อเนื่อง

โดยในไตรมาสที่ 1/2568 นอกจากการปิดดีล ขายหุ้นทั้งหมด ของโรงไฟฟ้า RISEC ในสหรัฐอเมริกา และ โรงไฟฟ้า Boco Rock Wind Farm ในออสเตรเลีย ได้แก่ การจ่ายไฟฟ้า เข้าระบบครบ 80 ต้น รวม 640 เมกะวัตต์ ของโรงไฟฟ้า Yunlin ในไต้หวัน การลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า ฉบับใหม่ ระยะเวลา 15 ปี ของโรงไฟฟ้า Quezon ในฟิลิปปินส์

นอกจากนี้ EGCO Group ได้ลงนามสัญญาซื้อหุ้ น 49% ในกลุ่มโรงไฟฟ้า Pinnacle ll ในสหรัฐอเมริกา และ การเพิ่มทุน 95 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ใน CDI ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค ในอินโดนีเซีย

การขยายการลงทุนต่อเนื่อง ทำให้ผลการดำเนินงาน ไตรมาสแรกปี 2568 บริษัท รับรู้รายได้รวม 10,838 ล้านบาท ขณะที่มี กำไรสุทธิ 3,577 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 115% หรือ 1,915 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีแล้ว

ซึ่งมีปัจจัยบวก จากการรับรู้กำไร จากการขายหุ้นทั้งหมด ในโรงไฟฟ้า RISEC ในสหรัฐอเมริกา และ โรงไฟฟ้า Boco Rock Wind Farm ในออสเตรเลีย

ซึ่งเป็นไปตามนโยบายการบริหารสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ (Asset Recycling) และ นำเงินที่ได้ จากการขายไปลงทุนใหม่ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว

EGCO Group ท็อปฟอร์ม Q1/2568

รุกพลังงานทางเลือก

“ท่ามกลางสภาพแวดล้อม ทางธุรกิจที่ผันผวน ในปัจจุบัน EGCO Group ยังคงเดินหน้า เร่งเครื่องแสวงหาโอกาส              การลงทุน และ เพิ่มกำลังผลิตใหม่ในธุรกิจไฟฟ้า ทั้ง โรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ และ พลังงานหมุนเวียน

ผ่านการลงทุน ทั้งรูปแบบ M&A และ Greenfield ตลอดจน การลงทุน ในธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง ภายใต้กลยุทธ์ “Triple P”  ที่มีเป้าหมายสร้างความแข็งแกร่ง 3 ด้าน ได้แก่

การเพิ่มความสามารถ ในการสร้างรายได้ และ ผลกำไรอย่างต่อเนื่อง

การบรรลุเป้าหมาย องค์กรคาร์บอนต่ำ

และการปรับเปลี่ยนองค์กรในทุกมิติ เพื่อรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืน

EGCO Group ได้ติดตาม การเปลี่ยนแปลงของ สภาพแวดล้อมทางธุรกิจ ทั้งในและต่างประเทศ อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะ ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งประกาศ นโยบายการเก็บภาษีนำเข้าสินค้า แบบตอบโต้ (Reciprocal Tariffs)

สำหรับการลงทุนใน โครงการใหม่ EGCO Group จะพิจารณา ปัจจัยความเสี่ยง อย่างรอบด้านอยู่เสมอ โดยครอบคลุมถึง นโยบายของแต่ละประเทศ ที่เข้าลงทุน เพื่อให้ มั่นใจว่าการลงทุนต่าง ๆ จะสามารถ สร้างรายได้ และผลกำไร ได้ตามเป้าหมาย

และ บริษัทสามารถบริหารจัดการ ความเสี่ยงใน พอร์ตโฟลิโอ ได้อย่างเหมาะสม และ มีประสิทธิภาพ”  ดร.จิราพร กล่าว

ปัจจุบัน (ณ 15 พฤษภาคม 2568) EGCO Group มีกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นรวม 6,662 เมกะวัตต์ (รวมโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้วและโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง) โดยมีกำลังผลิตจากพลังงานหมุนเวียนรวม 1,399 เมกะวัตต์ (คิดเป็น 21% ของกำลังผลิตทั้งหมด) ทั้งจากชีวมวล พลังน้ำ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม ทั้งบนบก และ นอกชายฝั่ง เซลล์เชื้อเพลิง และ ระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่

ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าและโครงการต่างๆ ตั้งอยู่ใน 7 ประเทศ ได้แก่ ไทย สปป.ลาว ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ ไต้หวัน และสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง ได้แก่ บริษัท เอ็กโก เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ เซอร์วิส จำกัด “ESCO” ให้บริการงานเดินเครื่อง บำรุงรักษา วิศวกรรม ก่อสร้าง อนุรักษ์พลังงาน และ การฝึกอบรมแก่โรงไฟฟ้าและโรงงานอุตสาหกรรมประเภทต่าง ๆ

บริษัทโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค “CDI”  ในอินโดนีเซีย ระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ “TPN” โครงการนิคมอุตสาหกรรมเอ็กโกระยอง “ERIE” บริษัทด้านการวิจัยเพื่อพัฒนานวัตกรรม “Innopower” และบริษัทเทคโนโลยีด้านการเงิน “Peer Power” ทั้งนี้ EGCO Group ได้รับการจัดอันดับอยู่ใน Dow Jones Sustainability Index (DJSI) มา 5 ปีต่อเนื่อง (2563-2567)

ที่มาของข้อมูล : www.egco.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : https://bangkokx.me/green-economy-28042025/

[addtoany]
Ellipse 1
กองบรรณาธิการ Bangkok X