3 ปี กัญชาเสรี กระทบ สุขภาพ-เศรษฐกิจ-สังคม
3 ปี กัญชาเสรี กระทบ สุขภาพ-เศรษฐกิจ-สังคม

3 ปี กัญชาเสรี กระทบ สุขภาพ-เศรษฐกิจ-สังคม เผยมีใบอนุญาตเกือบ 18,000 ราย ต่างชาติแบนห้ามนำเข้า ส่วนในประเทศ พบปัญหาสูญญากาศ ควบคุมต่ำ  คนใช้เพื่อสันทนาการพุ่ง  ภาคประชาชนเร่งเดินหน้า พรบ.ควบคุม สร้างสมดุล

 วงเสวนา “ครบรอบ 3 ปี กัญชาเสรี … สังคมไทยได้อะไร” จัดโดย ศูนย์ศึกษาปัญหาการเสพติด(ศศก.) มูลนิธิเด็ก เยาวชนและครอบครัว  ขบวนการสร้างเสริมสุขภาพภาคประชาชน (ขสช.) ศูนย์วิชาการเฝ้าระวังและพัฒนาระบบยา (กพย.) สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) และมูลนิธิศูนย์วิชาการสารเสพติด (Substance Abuse Academic Foundation, SAAF) เมื่อ วันที่ 9 มิถุนายน 2568 ระบุ 3 ปี นโยบายกัญชาเสรี กระทบทั้ง สุขภาพ และ เศรษฐกิจ จี้รัฐออก กฏหมายควบคุมสร้างความสมดุล

รศ.พญ.รัศมน กัลยาศิริ ผู้อำนวยการ ศศก. กล่าวว่า ประเทศไทยได้อนุญาตให้ใช้กัญชาทางการแพทย์ มาตั้งแต่ปี 2562 และ เป็นประเทศแรก ในเอเชีย ที่มีการให้จำหน่ายและใช้กัญชา โดยไม่ผิดกฎหมายได้ ทั่วประเทศ ในวันที่ 9 เดือนมิถุนายน พศ.2565

จากการศึกษาของ ศูนย์ศึกษาปัญหาการเสพติด ร่วมกับ นักวิจัย จากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ คณะวิทยาศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์และสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่า การปลดล็อกกัญชาทำให้เกิดผลกระทบหลายประการ

1.ร้านค้ากัญชาไร้การควบคุม: มีจำนวนร้านค้ากัญชาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยว เช่น ถนนข้าวสาร ร้านค้าส่วนใหญ่ไม่ปฏิบัติตามระเบียบการขออนุญาต และไม่มีการตรวจสอบอายุผู้ซื้อ

2.การใช้กัญชาเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น: วัยรุ่นไทยอายุ 18-19 ปี มีการสูบกัญชาเพิ่มขึ้นถึง 10 เท่า จาก 0.9% ในปี 2562 เป็น 9.7% ในปี 2565 อย่างไรก็ตาม การใช้กัญชาแบบนันทนาการ ทุกรูปแบบ ในประชากรไทยอายุ 18-65 ปี ในปี 2566 และ ปี 2567 มีแนวโน้มลดลงบ้าง หลังจากการเพิ่มขึ้น อย่างก้าวกระโดด ของการใช้กัญชา ในปี 2565

3.ปัญหาทางสุขภาพที่ เกี่ยวข้องกับกัญชาเพิ่มขึ้น: พบผู้ป่วยด้วยโรคที่เกิดจากการใช้กัญชา ที่มาใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพในการรักษา เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในปี 2565 และ 2566 โดยเฉพาะความผิดปกติทางจิตที่เกิดจากกัญชาเช่น โรคจิต (Psychotic disorder) และภาวะพิษจากกัญชา (Acute intoxication)

4.ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพและทางอ้อมเพิ่มขึ้น: ประมาณการค่าใช้จ่าย ด้านการรักษาพยาบาล อันเป็นค่าใช้จ่าย ทางตรง และ ค่าใช้จ่ายทางอ้อมที่เกี่ยวข้องกับการใช้กัญชาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยในปี 2566 มีค่าประมาณมูลค่ารวมกว่า 15,828.51 ล้านบาท

รศ.พญ.รัศมน ย้ำว่า แม้กัญชาจะมีประโยชน์ทางการแพทย์ใ นบางกรณี เช่น การดูแลแบบประคับประคอง ภาวะคลื่นไส้อาเจียน จากการทำเคมีบำบัด และ โรคลมชักบางประเภท

แต่ยังไม่มีเภสัชบำบัด ที่มีประสิทธิภาพ ในการรักษา ความผิดปกติ จากการใช้กัญชา(Cannabis Use Disorder) โดยการป้องกันให้เด็ก และ เยาวชนเข้าถึงกัญชาได้ยาก และ เข้ารับการบำบัดด้วย วิธีทางจิตสังคม จึงให้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืนกว่า

ขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำลังพิจารณา มาตรการต่าง ๆ เพื่อควบคุม การใช้กัญชา รวมถึง การออกกฎหมายเพื่อควบคุมการจำหน่ายและการใช้กัญชาให้ได้ประโยชน์อย่างแท้จริงต่อไป

3 ปี กัญชาเสรี กระทบ สุขภาพ-เศรษฐกิจ

3 ปี กัญชาเสรี กระทบ สุขภาพ สร้างปัญหาสังคม

วัชรพงศ์ พุ่มชื่น กรรมการและเลขานุการ มูลนิธิศูนย์วิชาการสารเสพติด กล่าวว่า หลังจากประเทศไทยมี การปลดล็อคกัญชาเสรี ในประเทศไทยมากว่า 3 ปี ทำให้หลายประเทศตั้งคำถาม และ ประกาศเตือนพลเมืองของตัวเอง ที่จะเดินทางมายัง ประเทศไทยให้ระมัดระวัง

และห้ามนำผลิตภัณฑ์จากกัญชา กัญชงกลับเข้าประเทศต้นทางเด็ดขาด เนื่องจากยังถือว่า เป็นยาเสพติด แม้กระทั่งสถานกงสุลไทย ในหลายประเทศ ก็ประกาศแจ้งเตือน คนไทยว่า ห้ามนำกัญชาติดตัว เมื่อเดินทางไป ต่างประเทศ

สิ่งเหล่านี้สะท้อนว่า กัญชาเสรีในไทย ไม่ได้รับการตอบรับจาก บางประเทศ มีกรณีที่น่าสนใจ คือ เอกอัครราชทูตอังกฤษ ประจำประเทศไทย พร้อมคณะได้หารือกับ เลขาธิการ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ส.) และ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เรื่อง การสกัดกั้นการลักลอบ นำกัญชา จากประเทศไทยไปยัง สหราชอาณาจักร

“ผลกระทบจากธุรกิจ กัญชา ที่ไร้การควบคุมในไทย ทำมีการแสวงหา ผลประโยชน์ จากเครือข่าย ค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ ที่นำกัญชาจากไทย ไปขายให้พลเมือง ประเทศอื่น

และที่น่าตั้งคำถามที่สุด คือ กัญชาไทย อาจกำลังส่งผลร้ายต่อ ความฝัน สุขภาพ ของเด็กเยาวชน ที่จะเติบโตเป็นพลเมืองของโลก ในอนาคต

เพราะฉะนั้น จากนโยบายเสรี กัญชา บทเรียน 3 ปีที่ผ่านมา เราต้องช่วยกันตั้งคำถามว่า แท้จริงแล้วใครได้ประโยชน์ และ ใครได้รับผลกระทบจากกัญชา

และกฎหมาย หรือ พ.ร.บ.กัญชาที่สมดุล เหมาะสม และ เกิดจากการรับฟังความคิดเห็นของ ทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคประชาชนที่นำไปสู่การลดผลกระทบจากการใช้กัญชาในทางที่ผิดควรเป็นอย่างไร” วัชรพงศ์ กล่าว

ไพศาล ลิ้มสถิตย์ กรรมการบริหาร ศูนย์กฎหมายสุขภาพและจริยศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า กฎหมายยาเสพติด อนุญาตให้นำกัญชา มาใช้ในทางการแพทย์ ได้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2562

แต่การออกประกาศ กระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อ ยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. 2565 เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 ทำให้มีการนำ กัญชาไปใช้เพื่อนันทนาการ ส่งผลเสียต่อสุขภาพ และ ความปลอดภัย ของประชาชน

ขัดต่อ กฎหมายยาเสพติดระหว่างประเทศ และ ประมวลกฎหมายยาเสพติด แม้ตอนหลังออกประกาศกำหนด ให้กัญชาเป็นสมุนไพรควบคุม ก็ไม่สามารถป้องกัน หรือ แก้ปัญหาได้ ซ้ำยังกลายเป็นช่องทางรับรองให้ใช้กัญชา เพื่อนันทนาการ ในวงกว้าง

ภาคีเครือข่ายสุขภาพจึงรวบรวม 20,283 รายชื่อประชาชน เพื่อร่วมกันเสนอร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ…. เข้าสู่สภา ปัจจุบันอยู่ระหว่างตรวจสอบรายชื่อ  มีเจตนารมณ์เพื่อการใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ คุ้มครองผู้บริโภค ป้องกันและควบคุมการใช้กัญชาไม่เหมาะสม ส่งเสริมสนับสนุนการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ การปรับปรุงพันธุ์กัญชาที่มีคุณภาพ มีคณะกรรมการกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์

ด้าน ผศ.ดร.ภญ.นิยดา เกียรติยิ่งอังศุลี ผู้จัดการ กพย. กล่าวว่า  กัญชามีทั้งประโยชน์และโทษ ปัจจุบันพบว่ามีจุดจำหน่ายที่ได้รับใบอนุญาตมากถึง 17,867 ราย ยังไม่นับรวมกับ ที่ไม่มีใบอนุญาตซึ่งมีอีกจำนวนมาก

ดังนั้นสังคมจึงต้องการนโยบายและระบบการจัดการที่ครบวงจร ชัดเจน รัดกุม เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงกัญชาทางการแพทย์ มีการใช้อย่างถูกต้องและปลอดภัย คุ้มครองผู้บริโภค และ คุ้มครองสิทธิของผู้อื่น ด้วยการกำหนดกฎหมายและ กติกาที่รอบคอบในการอนุญาต และ การห้ามในบางกรณี และบังคับใช้อย่างจริงจัง จัดให้มีกลไกการเฝ้าระวังปัญหาต่างๆ

นอกจากนี้ รัฐพึงประมวลข้อมูลวิชาการทุก ๆ ด้าน ที่ทันสมัย ผ่านการวิเคราะห์ ไม่โน้มเอียง พร้อมจัดระบบข้อมูลให้ผู้เกี่ยวข้องและประชาชนเข้าถึง เพื่อการตัดสินใจได้  ไม่ให้เกิดการโฆษณาชวนเชื่อที่หลอกลวง

รัฐต้องสนับสนุนระบบเพื่อการวิจัยและพัฒนาทางวิทยาศาสตร์ และวิทยาศาสตร์การแพทย์ และการเกษตร อย่างจริงจัง

ที่ผ่านมา กพย. ร่วมกับภาคีเครือข่ายได้ร่วมเสนอร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง แก่รัฐสภาเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เพื่อเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการ กำกับดูแล กัญชาและกัญชง ให้เกิดประโยชน์ และ ป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้น

และขณะนี้ก็มีร่าง พ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้องกว่า 6 ฉบับที่ยื่นต่อรัฐสภา จึงขอเชิญชวนทุกภาคส่วนร่วมกันติดตามและเสนอแนะแนวทางแก่รัฐสภา แก่รัฐบาล เพื่อให้เกิดออกกฎหมายอย่างรัดกุม ไม่เล่นเกมส์การเมือง จนเกิดสุญญากาศอีก ยืนยันว่าภาคีทั้งหมดจะติดตามเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง และนำเสนอข้อมูลต่อภาคีและสาธารณะต่อไป ผศ.ดร.ภญ.นิยดา กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : https://bangkokx.me/ฺbangkok-farmer-17-11-2023/

ที่มาของข้อมูล : https://cannabisinfo.fda.moph.go.th/กฎหมาย/

[addtoany]
Ellipse 1
กองบรรณาธิการ Bangkok X