BangkokX-Horizontal
'กลุ่มคาราบาว' ตั้งงบลงทุน 4 พันล้านบาทตั้งโรงงานรุกสมรภูมิเบียร์ 2.6 แสนล้านบาท
IMG_0135 copy

‘กลุ่มคาราบาว’ ตั้งงบลงทุนโรงงานผลิตเบียร์ที่จังหวัดชัยนาท มูลค่า 4 พันล้านบาท นำร่องผลิตที่ 200 ล้านลิตรในปีแรก พร้อมเปิดตัว 2 แบรนด์ “คาราบาว” และ “ตะวันแดง” 5 รสชาติพร้อมกันครั้งแรกของประเทศไทย

เสถียร เสถียรธรรมะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “กลุ่มคาราบาว” เปิดเผยว่า บริษัทลงทุนสร้างโรงงานผลิตเบียร์ที่จังหวัดชัยนาท มูลค่า 4,000 ล้านบาท โดยมีกำลังการผลิต 400 ล้านลิตรต่อปี โดยเริ่มผลิตแล้วในไตรมาสสี่ของปี 2566 ตามแผนจะสามารถผลิตได้ 200 ล้านลิตรใน 12 เดือนแรก โดยตั้งเป้าที่จะมีส่วนแบ่งตลาด 10% ของมูลค่าตลาดรวมหรือ 20,000 ล้านบาท หลังจากนั้นจะขยายกำลังการผลิตไปจนเต็มกำลังผลิตภายในระยะเวลาไม่เกิน 5 ปี และจะมีการลงทุนต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตในทุกๆ ปี เพื่อให้มีส่วนแบ่งตลาดไม่น้อยกว่า 30% ของมูลค่าตลาดรวมหรือมียอดขายไม่น้อยกว่า 60,000 ล้านบาท   พร้อมกับเปิดตัวเบียร์ 2 แบรนด์หลัก คือ “คาราบาว” และ “ตะวันแดง”

“ปัจจุบันตลาดเบียร์มีมูลค่า 260,000 ล้านบาท ถือเป็นตลาดเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ​ในขณะที่ในตลาดมีเบียร์ที่ผลิตโดยยักษ์ใหญ่ไม่กี่แบรนด์ ทำให้กลุ่มคาราบาวตัดสินใจเข้ามาลงทุนในเครื่องดื่มประเภทนี้เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค โดยมีเป้าหมายที่จะเจาะตลาดเบียร์ในทุกระดับราคาเพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำ 1 ใน 3 ของตลาดเบียร์ทั้งประเทศ โดยการผลิตเบียร์คุณภาพในแบบเยอรมันแท้ ภายใต้แบรนด์ “คาราบาว” และ “ตะวันแดง” เสถียร กล่าว

เปิดกลยุทธ 4 Ps (Products, Price, Place, Promotion)

 

โดย “คาราบาว” จะเป็นเบียร์ที่เจาะกลุ่มเป้าหมาย Economy ถึง Standard ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 90% ของมูลค่าตลาดเบียร์รวม และในส่วนของ “ตะวันแดง” ตอบโจทย์กับผู้บริโภคในกลุ่ม Standard และ Premium เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคครอบคลุมในทุกกลุ่ม โดยตั้งเป้าขึ้นเป็นผู้เล่นหลัก 1 ใน 3 ของตลาดเบียร์ภายในประเทศภายในระยะเวลาไม่เกิน 5 ปี

กลยุทธ์หลักในการรุกตลาดเพื่อให้ไปสู่เป้าหมายที่วางไว้นอกจากการใช้กลยุทธด้านราคา (Price) ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้โดยนำประสบการณ์จากการดำเนินธุรกิจโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดงในแบบ ไมโครบริวเวอรี่ (Microbrewery) อันดับหนึ่งของประเทศไทย

ในขณะเดียวกันจะมีการพัฒนาสินค้า(Products) โดยการผลิตเบียร์ทั้ง 2 แบรนด์ให้มีกลิ่นและรสชาติเหมือนหรือใกล้เคียงกับเบียร์ที่ขายที่โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง ภายใต้มาตรฐาน German Beer Purity Law กฎการทำเบียร์เยอรมันที่มีวัตถุดิบจาก มอลต์ ฮอปส์ และยีสต์ เท่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ในตลาด และถือเป็นการ “เซ็ตมาตรฐานใหม่” ให้กับตลาดเบียร์ของไทยนับจากนี้แล้ว “กลุ่มคาราบาว” ยังเลือกเปิดตัวสินค้าพร้อมกัน 5 รสชาติ ประกอบด้วย แบรนด์คาราบาว 2 รสชาติ ได้แก่ Lager Beer (เบียร์ลาเกอร์) และ Dunkel Beer (เบียร์ดุงเกล) ขณะที่แบรนด์ตะวันแดง เปิดตัว 3 รสชาติ ประกอบด้วย Weizen Beer (เบียร์ไวเซ่น) Rose Beer (เบียร์โรเซ่) และ IPA Beer (เบียร์ไอพีเอ) ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของวงการเบียร์ในประเทศไทย เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับคนไทยสามารถเข้าถึงเบียร์มาตรฐานระดับโลก ทั้งยังแสดงให้เห็นศักยภาพในการผลิตของโรงงานผลิตเบียร์ระดับโลกของเรา ณ จังหวัดชัยนาท ที่พร้อมด้วยเครื่องจักรที่นำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด เพื่อตอกย้ำความเป็น สินค้าระดับโลก แบรนด์ระดับโลก (World Class Product, World Class Brand) และด้วยศักยภาพการผลิตนี้เอง ทำให้เราสามารถผลิตเบียร์ได้หลากหลายประเภท

​นอกจากนี้ เพื่อช่วงชิงตลาดเบียร์ที่ปัจจุบันส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 80% อยู่ในมือของมีผู้เล่นหลักในตลาดที่มีอยู่ไม่กี่เจ้า ซึ่งถือเป็นความท้าทาย โดยกลุ่มคาราบาวได้นำกลยุทธ์หลักในช่วงแรกจะมุ่งให้ความรู้กับผู้บริโภคถึงมาตรฐานใหม่ของเบียร์ขั้วที่ 3 พร้อมทำให้ผู้บริโภคเข้าใจและเปิดใจว่าเบียร์ที่ได้รับมาตรฐานระดับโลก และเบียร์ที่คนนิยมดื่มกันในระดับสากลนั้นเป็นอย่างไร ทั้งเรื่องรสชาติ ความเข้มข้นที่แตกต่างจากเบียร์เดิมที่อยู่ในตลาด ในการจัดเตรียมกิจกรรมการตลาดอย่างครบเครื่องในทุกช่องทาง (Promotion) หนึ่งในกลยุทธ์ทางการตลาดที่สำคัญคือ การตัดสินใจต่อสัญญาเป็นผู้สนับสนุนหลักการแข่งขันฟุตบอล Carabao Cup ต่อไปอีก 3 ปี กับ English Football League (EFL) จากเดิมที่จะสิ้นสุดในปี 2567 ซึ่งจะทำให้คาราบาวเป็นสปอนเซอร์หลักฟุตบอล Carabao Cup ไปจนถึงปี 2570 ซึ่งถือว่ายาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของ EFL และเพื่อเป็นการสานต่อกลยุทธ์ Sport Marketing ระดับโลก พร้อมกับเปิดตัวแคมเปญใหญ่ เครื่องดื่ม   คาราบาวพาทุกคนไป “สัมผัสประสบการณ์ระดับโลก เชียร์บอล เชียร์บาว” กับการชมฟุตบอลระดับโลกติดขอบสนาม ร่วมลุ้นเป็นผู้โชคดีบินลัดฟ้าสู่ประเทศอังกฤษ ชมศึก Carabao Cup ฤดูกาล 2023/24 รอบชิงชนะเลิศ ซึ่งมั่นใจว่าจะเข้ามาสร้างกระแสและดึงให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมกับแบรนด์ พร้อมตอกย้ำความเป็นสินค้าระดับโลก แบรนด์ระดับโลก ให้เด่นชัดมากยิ่งขึ้น

ในขณะเดียวกันบริษัทให้ความสำคัญกับเรื่อง“ช่องทางการกระจายสินค้า” (Place) โดยเบียร์ทั้ง 5 รสชาติ จะปูพรมจำหน่ายในร้านค้าในเครือข่ายของกลุ่มคาราบาว ได้แก่ ซีเจ มอร์ ที่มีถึง 1,000 สาขาทั่วประเทศ, ร้านถูกดี มีมาตรฐาน ที่มีร้านค้าอยู่มากกว่า 5,000 ร้านทั่วประเทศ และหน่วยรถในศูนย์กระจายสินค้าทั้ง 31 แห่ง ที่สามารถเข้าถึงร้านค้าปลีกทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางของ Modern Trade อย่าง ซุปเปอร์มาร์เก็ต ไปจนถึง Traditional Trade อย่างร้านค้าต่าง รวมทั้งการกระจายสินค้าสู่ “ตัวแทนจำหน่ายระดับอำเภอทั่วประเทศ” โดยตรง เพื่อลดขั้นตอนการกระจายสินค้า ทำให้สินค้าสามารถเจาะเข้าถึงร้านค้าย่อยหรือโชห่วยทั่วประเทศได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าที่มีคุณภาพ และรสชาติที่ดี

​เสถียร กล่าวเพิ่มเติมว่า อีกจุดแข็งสำคัญที่ทำให้บริษัทมั่นใจว่า เบียร์ทั้ง 2 แบรนด์จะได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี คือความแข็งแกร่งของแบรนด์ โดยเฉพาะ “คาราบาว” ซึ่งได้รับการยอมรับไม่เพียงประเทศไทยแต่ในระดับโลก ปัจจุบันมีการส่งออกสินค้าไปยัง 42 ประเทศ ครอบคลุมทุกทวีป รวมทั้งเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของการแข่งขันฟุตบอล EFL ซึ่งเปลี่ยนชื่อเป็น “คาราบาว คัพ” มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2017 ซึ่งทำให้แบรนด์ไทยเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ขณะที่ “ตะวันแดง” ก็ได้รับการยอมรับในฐานะโรงเบียร์      ไมโครบริวเวอรี่ ที่สมบูรณ์แบบที่สุดแห่งแรกในประเทศไทย ที่ยืนอยู่ได้มาเป็นระยะเวลากว่า 20 ปี ซึ่งกลุ่ม     คาราบาวตั้งเป้าว่าจะส่งออกสินค้าเบียร์ไปยังตลาดต่างประเทศด้วย โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศอังกฤษและประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีร้านอาหารไทยจำนวนมากอันดับต้นๆ ของโลก

​“เบียร์เป็นสิ่งที่เรามั่นใจในองค์ความรู้ ความเป็นผู้เชี่ยวชาญที่สั่งสมประสบการณ์และเก็บข้อมูลมานานกว่า 20 ปี จากการทำโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง ผมเชื่อว่าเบียร์ของเราจะสามารถสร้างปรากฏการณ์ให้กับตลาด และเข้าไปนั่งในใจผู้บริโภคชาวไทยทุกคนได้” เสถียร กล่าว

Ellipse 1
กองบรรณาธิการ Bangkok X

บทความที่เกี่ยวข้อง