กลุ่มทุนไทย ลุย เศรษฐกิจ สีเขียว
กลุ่มทุนไทย ลุย เศรษฐกิจ สีเขียว

กลุ่มทุนไทย ลุย เศรษฐกิจ สีเขียว สร้างสังคม คาร์บอนต่ำ สร้างธุรกิจยั่งยืน

 

เวที สัมมนา “The Great Green Transition” ที่จัดโดย ธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) ภาคธุรกิจไทย เดินหน้าสร้าง เศรษฐกิจสีเขียว เพื่อตอบโจทย์ กับ ความต้องการ ของพฤติกรรมของผู้บริโภค ในปัจจุบัน ที่ให้ความสำคัญกับ สินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อการสร้างสังคมอย่างยั่งยืน

กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ และเลขานุการบริษัท ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวในเวทีสัมมนา ว่า ที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทย ใช้พลังงานเป็นหัวใจสำคัญ ของการขับเคลื่อน ในทุกธุรกิจ

สิ่งนี้เป็นปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้ โลกร้อน ขึ้นเรื่อย ๆ และ กลายเป็นประเด็นที่ ทั่วโลกต่างให้ความสนใจ และ มุ่งหาวิธีก้าวสู่ ยุคเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Economy)ทำให้เกิด กฎระเบียบใหม่ ทางการค้า ที่เกี่ยวข้อง กับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

“ภาคธุรกิจไทย ไม่ควรมองว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องไกลตัว เพียงเพราะ ยังไม่อยู่ ในกลุ่มสินค้า ที่เจอกฎระเบียบ เหล่านี้ เพราะ ในอนาคตเชื่อว่า มาตรการด้านสิ่งแวดล้อม จะครอบคลุม ไปยังสินค้าทุกกลุ่ม และไม่ใช่แค่สหภาพยุโรปเท่านั้น ที่จะนำหลักเกณฑ์เหล่านี้มาใช้

หลายประเทศก็กำลังเตรียมดำเนินการเช่นเดียวกัน ซึ่งจะทำให้สินค้าทุกอย่างเกิดการตรวจสอบย้อนกลับทั้งห่วงโซ่ แม้จะเป็นฟันเฟืองเล็กๆในอุตสาหกรรมก็จะมีผลกระทบตามมา อาจทำให้สินค้าขายไม่ได้ด้วยเช่นกัน” กอบศักดิ์กล่าว

 

กลุ่มทุนไทย ลุย เศรษฐกิจ สีเขียว

SCG ตั้งเป้า ลดคาร์บิน 25% ปี 2030

 

ทิม แม็คแคฟเฟอร์รี่ Global Investment Director บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCG กล่าวว่า SCG ได้ ลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ ที่จะช่วยให้ ธุรกิจลดการปล่อยคาร์บอน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น

เทคโนโลยีแผงโซลาเซลล์ ประสิทธิภาพสูง เทคโนโลยีที่ให้ พลังงานความร้อนสูง โดยไม่ปล่อยคาร์บอน เทคโนโลยีที่ฟอกคาร์บอนออกจากอากาศ และ ผลิตภัณฑ์ที่สามารถ เพิ่มประสิทธิภาพในระบบห่วงโซ่การขนส่งความเย็น

โดยตั้งเป้าหมาย ลดการปล่อยคาร์บอน ให้ได้มากถึง 25% ภายในปี 2030 รวมทั้งผลิตซีเมนต์ที่มีคาร์บอนฟุตพริ้นท์น้อยลงโดยมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับประเทศไทย

กลุ่มทุนไทย ลุย เศรษฐกิจ สีเขียว
ทิม แม็คแคฟเฟอร์รี่

“สิ่งที่ง่ายที่สุดของธุรกิจ ควรเริ่มจากประเมินการใช้พลังงานและสาธารณูปโภคภายในธุรกิจเอง และ มองหาโอกาสใน การลดการใช้พลังงานลง

 พิจารณาการใช้ พลังงานหมุนเวียน ปรับปรุงกระบวนการผลิต และ นำเทคโนโลยีมาใช้ ซึ่งผลที่จะเกิดต่อธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรมมากที่สุดในทันที ก็คือ

การช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าให้ได้ไม่น้อยกว่า 15-20% สิ่งนี้จะช่วยให้ธุรกิจลดต้นทุน ไปได้มาก และสร้างจุดเริ่มต้น การเปลี่ยนผ่าน สู่เศรษฐกิจสีเขียว ในขั้นแรก เพิ่มขีดความสามารถแข่งขัน ระยะยาวให้แก่ ภาคธุรกิจได้อย่างแน่นอน” ทิม กล่าว

พีรพงศ์ กรินชัย ผู้บริหารสูงสุดสายงานวิศวกรรมกลาง บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทขนาดใหญ่ ที่มีการขายสินค้าไปทั่วโลก เผชิญกับ ตัวเร่งในการก้าวเข้าสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ จากความต้องการของลูกค้าในต่างประเทศ และ ข้อกีดกันทางการค้า (trade barrier) ระบบใหม่

ทำให้ บริษัทขนาดใหญ่ มีความมุ่งมั่นสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำให้ตรงกับมาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็น CBAM และ EUDR เพื่อให้สามารถแข่งขันได้

แม้ธุรกิจขนาดเล็ก อาจยังไม่ได้ มองภาพด้านนี้มากนัก และ อาจมองเป็นเรื่องไกลตัว แต่การจัดงานเสวนานี้       ที่ธนาคารได้ดึง ธุรกิจทั้งขนาดใหญ่ และ ขนาดเล็กเข้ามาร่วมงาน ทำให้ตระหนักถึงภาวะโลกร้อน และตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้น

ซึ่งจะเป็นกฎกติกาใหม่ในโลกที่จะช่วยให้ SME ก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงและก้าวเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำได้ ทำให้ทั้งภาคธุรกิจและภาคเกษตรอุตสาหกรรมในประเทศไทยยืนหยัดต่อได้ในอนาคต

มงคล ตั้งศิริวิช ประธานบริษัท ดูแลประเทศไทย ลาว และเมียนมาบริษัท ชไนเดอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ซึ่งเป็นองค์กรชั้นนำ ด้านความยั่งยืนระดับโลก กล่าวว่า ประสบการณ์ในการเปลี่ยนผ่านองค์กรพบว่ามีอยู่ 3 เรื่องหลักที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนผ่านอย่างยั่งยืนได้ คือ

  • Strategize: สร้าง Baseline และเส้นทางสู่การเปลี่ยนผ่านอย่างยั่งยืน (Decabonization Roadmap)
  • Digitize: นำเสนอเทคโนโลยีดิจิทัลที่ใช้ในการตรวจวัดค่าการใช้พลังงาน การปล่อยก๊าซคาร์บอน มาใช้เพื่อเก็บข้อมูลมาวิเคราะห์หาโอกาสลดการใช้พลังงานลง
  • Decarbonize: หาโซลูชันเพื่อลดคาร์บอน เช่น การใช้พลังงานสีเขียวมาทดแทน และปรับปรุงกระบวนการทำงานเพื่อให้ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้มองว่า การเก็บข้อมูล คือหัวใจสำคัญของการวางแผนลดการปล่อยคาร์บอน ซึ่งต้องเลือกใช้เทคโนโลยีให้เหมาะสมกับธุรกิจ โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนสูงหรือปรับเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด ซึ่งการลงทุนเหล่านี้ไม่ใช่ต้นทุนสูญเปล่า

แต่จะช่วยต่อยอดความสามารถในการแข่งขัน เพราะการเปลี่ยนไปสู่ธุรกิจสีเขียวไม่ใช่เรื่องระยะยาวแต่เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องเริ่มทำทันทีเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกที่เกิดขึ้นแล้ว

กลอยตา ณ ถลาง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โจทย์ท้าทายที่สุดในการปรับเปลี่ยนไปสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ คือ การปรับเปลี่ยนทุกห่วงโซ่ของธุรกิจให้ก้าวสู่ธุรกิจสีเขียวไปด้วยกัน

โดยเฉพาะกลุ่ม Scope 3 หรือ การปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทางอ้อมที่อยู่เหนือ การควบคุม (Indirect Value Chain Emissions) โดยองค์กรภายนอกใน ซัพพลายเชน ซึ่งคิดเป็นกว่า 90% ของธุรกิจ ที่ยังตระหนักถึงความสำคัญ ในเรื่องนี้ค่อนข้างน้อย จึงเป็นหน้าที่ของ บริษัทขนาดใหญ่ และ หน่วยงานทุกภาคส่วน ในการผลักดัน และ สนับสนุนในการเปลี่ยนผ่าน ครั้งสำคัญนี้

“ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทุกการเปลี่ยนแปลง ย่อมตามมาด้วย ต้นทุนที่สูงขึ้น ดังนั้น สิ่งที่ผู้ประกอบการ ต้องการขณะนี้ จึงเป็นการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ทั้งจากภาครัฐและเอกชน หรือ การให้สิทธิประโยชน์ จูงใจในการปรับเปลี่ยน

แต่สิ่งที่คนทั่วไป อาจจะยังไม่รู้คือ เรามีพี่เลี้ยง รออยู่เยอะมาก ที่พร้อมจะเข้ามาช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็ก เช่น บริษัทขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรม หน่วยงานภาครัฐ สถาบันการศึกษา ที่อยากร่วมทำวิจัยเพื่อนำไปสู่เป้าหมายการลดคาร์บอน

รวมทั้งการสนับสนุนด้านการเงินมากมายจากสถาบันการเงินอย่างธนาคารกรุงเทพ ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่แข็งแรงก็พร้อมจะช่วยทุกธุรกิจให้สามารถผลิกทุกความเสี่ยงให้เป็นโอกาสไปด้วยกัน” กลอยตา กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : https://bangkokx.me/ck-power-09082567/

ที่มาของข้อมูล : https://www.bangkokbank.com/th-TH/

[addtoany]
Ellipse 1
กองบรรณาธิการ Bangkok X