
อสังหาฯ ลุย ขายหุ้นกู้ ปี 68 มูลค่ารวม 168,211 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 5.7-7.5% เพื่อใช้คืนหนี้เงินกู้ และ ลงทุน หลัง สถาบันการเงินเข้มงวดในการ ปล่อยสินเชื่อโครงการ
จากการรวบรวมของ BangkokX พบว่า บริษัทอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งเร่งออกหุ้นกู้ เพื่อใช้ในการชำระคืนหุ้นกู้ที่ครบชำระในปี 2568 ตามรายงานของ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย หรือ Thai BMA ระบุว่า มีหุ้นกู้ที่ครบกำหนดชำระในปี 2568 มูลค่ารวมทั้งสิ้น 893,276 ล้านบาท
ในจำนวนดังกล่าวเป็น หุ้นกู้ที่ครบชำระในปี 2568 ในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 168,211 ล้านบาท
ในขณะที่แนวโน้มของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัว สถาบันการเงินเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อใหม่ทั้ง สินเชื่อโครงการ และ สินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย
อสังหาฯ ลุย ขายหุ้นกู้ ปี 68
จากสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้บริษัทอสังหาริมทรัพย์ หลายแห่ง มีปัญหาสภาพคล่อง และ ต้องเร่งออก หุ้นกู้ เพื่อระดมทุนมาชำระคืน หุ้นกู้ที่กำลังจะครบกำหนดชำระ โดยให้อัตราดอกเบี้ยที่สูงเฉลี่ยที่ 5.7-7.5% ต่อปี อาทิ

บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) เตรียมออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุน อายุ 5 ปี ในเดือนมิถุนายน 2568 ที่อัตราดอกเบี้ย 7-7.50%
บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด(มหาชน) ออกหุ้นกู้อายุ 2 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ย 7.40% ต่อปี
บริษัทท ภัทรเฮ้าส์ แอนด์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ออกหุ้นกู้อายุ 1 ปี 29 วัน และ 1 ปี 10 เดือน อัตราดอกเบี้ย 7.35% ต่อปี
บริษัท ไซมีส แอสเสท จำกัด(มหาชน) ออกหุ้นกู้อายุ 1 ปี 6 เดือน ถึง 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 6.90-7.30% ต่อปี
บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด(มหาชน) ออกหุ้นกู้อายุ 1 ปี 6 เดือน และ 1 ปี 9 เดือน อัตราดอกเบี้ย 7-7.25% ต่อปี
บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด ออกหุ้นกู้อายุ 1 ปี 5 เดือน อัตราดอกเบี้ย 7.30%
บริษัท พราว เรียลเอสเตท จำกัด(มหาชน) ออกหุ้นกู้อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ยที่ 7.50% ต่อปี
บริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด(มหาชน) ออกหุ้นกู้อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ยที่ 7.30% ต่อปี
บริษัท ชีวาทัย จำกัด(มหาชน) ออกหุ้นกู้อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ย 7.25%
บริษัท เอ็น ซี เฮ้าส์ซิ่ง ออกหุ้นกู้อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ยที่ 6.25% ต่อ ปี
บริษัท ปริญสิริ จำกัด(มหาชน) มีแผนออกหุ้นกู้อายุ 2 ปี 3 เดือน และ 3 ปี ให้อัตราดอกเบี้ย 5.75-6% ต่อปี
บริษัท ชาญอิสสระ ออกหุ้นกู้อายุ 2 ปี และ 2 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ย 7.25-7.40%
และ ล่าสุด บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ออกหุ้นก้อายุ 2 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ย 5.70% ต่อปี เปิดจอง 14, 17 และ 18 มีนาคม 2568 สำหรับ ผู้ลงทุนทั่วไป และ/หรือ ผู้ลงทุนสถาบัน

อธิกา บุญรอดชู ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดสรรเงินและการลงทุน บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA เปิดเผยว่า บริษัทเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ เป็นหุ้นกู้ระยะยาว ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนถือหุ้นกู้ อายุ 2 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5.70 % ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้
หุ้นกู้ดังกล่าว ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ที่ “BBB-” แนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือ “คงที่” โดยบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เตรียมเปิดจองซื้อ ในวันที่ 14 และ 17 ถึง 18มีนาคม 2568 นี้ ผ่าน 12 บริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำ
อธิกา กล่าวถึง แผนการนำเงินที่ได้รับจากการระดมทุนครั้งนี้ไปใช้ว่า บริษัทจะนำไปชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอน และ ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจ
และจากงบการเงิน สำหรับ ปี 2567 บริษัทมี รายได้รวมของโครงการที่พัฒนา โดยบริษัทเอง และที่พัฒนาภายใต้กิจการร่วมทุน จำนวน 8,450.87 ล้านบาท และ ยอดรอรับรู้รายได้(Backlog) 6,764 ล้านบาท พร้อมทยอยรับรู้รายได้ในปี 2568 ประมาณ 4,320 ล้านบาท
และสินค้าคงเหลือ มูลค่า 48,184 ล้านบาท และ มีสินค้าพร้อมขาย-พร้อมโอนมูลค่า 16,452ล้านบาท อย่างไรก็ดี บริษัทยังคงมีความแข็งแกร่งทางการเงินและสามารถบริหารจัดการภาระหนี้สินได้เป็นอย่างดี จากสัดส่วนหนี้ต่อทุน Net IBD/E 1.25 เท่า อธิกา กล่าว
นักวิเคราะห์เตือน “ต้องระวังและตรวจสอบ” ก่อนลงทุน
จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์” หัวหน้าฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ ยอมรับว่ากังวลเรื่อง“หุ้นกู้เอกชน” ที่ค้างในระบบสูงถึง 4.6 ล้านล้านบาท ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา
ในช่วงที่หุ้นกู้เอกชนมีปัญหาจะเห็นว่า หุ้นกู้ ถูกดาวน์เกรดสูงถึง 46 บริษัท แปลว่า มีความเสี่ยงสูงขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ
และตอนนี้หุ้นกู้เอกชนที่ คงค้างที่เยอะสุด คือ พลังงาน, ไฟแนนซ์ รองลงมาคือ อสังหาริมทรัพย์ ซึ่งในปี 2567 หุ้นในกลุ่ม อสังหาฯ มีการผิดนัดชำระถึง 5 ราย รวมมูลค่า 3,172 ล้านบาท และขอเลื่อนกำหนดชำระ 17 ราย รวมมูลค่า 37,963 ล้านบาท
จรูญพันธ์ ให้ความเห็นว่า สำหรับนักลงทุนที่คิดจะซื้อหุ้นกู้ ที่มาจากอสังหาฯ สิ่งที่ต้องพิจารณาและสำคัญมาก คือ “ต้องดูว่าบริษัทอสังหานั้นอยู่เซ็กเมนต์ไหน หากเป็นกลุ่ม “กลาง-ล่าง” อาจต้องระมัดระวัง เนื่องด้วยคู่แข่งอย่างโครงการ“บ้านเพื่อคนไทย”กำลังจะเข้ามาในตลาดเพิ่มขึ้น
ต่อมาคือ “อัตราส่วนทางการเงิน (Financial ratio) หากหนี้สินต่อทุน (D/E) น้อยกว่า 2 เท่าถือว่าสบายใจได้”
รวมถึง หนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของ ผู้ถือหุ้นรวม (interest bearing debt to equity : IBD/E ratio) ต่ำกว่า 1.5 เท่า ขณะที่ อัตราส่วนความสามารถในการชำระดอกเบี้ย (Interest Coverage Ratio : ICR) ต้องมากกว่า 3 เท่า และ Cash conversion cycle การหมุนของเงินสด ไม่ควรเกิน 1,000-1,500 วัน ทั้งหมดนี้น่าจะทำให้ปลอดภัยขึ้น เพราะปีนี้หุ้นกู้ครบกำหนดจ่ายค่อนข้างสูง หากเกิดเหตุการณ์เหมือนที่ผ่านมาอาจเกิดความไม่เชื่อมั่นรอบใหญ่” จรูญพันธ์ กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : https://bangkokx.me/property-12032025/
ที่มาของข้อมูล : https://www.thaibma.or.th
