BangkokX-Horizontal
เปิด 5 โครงการระดับโลก กับ แนวคิดฟื้นชีวิตเมือง ด้วย สถาปัตย์ฯ สีเขียว
เปิด 5 โครงการระดับโลก กับ แนวคิดฟื้นชีวิตเมือง ด้วย สถาปัตย์ฯ สีเขียว

เปิด 5 โครงการระดับโลก กับ แนวคิดฟื้นชีวิตเมือง ด้วย สถาปัตย์ฯ สีเขียว ท่ามกลางสภาวะโลกร้อน  เพื่อตอบโจทย์กับการเปลี่ยนแปลงของโลก

เปิด 5 โครงการระดับโลก กับ แนวคิดฟื้นชีวิตเมือง เริ่มต้นที่

Battersea Power Station จากโรงไฟฟ้า สู่อาคารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

เปิด 5 โครงการระดับโลก กับ แนวคิดฟื้นชีวิตเมือง ด้วย สถาปัตย์ฯ สีเขียว
โครงการ Battersea Power Station – กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร

โครงการ Battersea Power Station – กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร 

พัฒนาโดย Battersea Power Station Development Company

The Battersea Power Station คือ โรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินที่ตั้งตระหง่านในย่าน Nine Elms ทางทิศใต้ของแม่น้ำเทมส์  ณ กรุงลอนดอน ซึ่งเป็น สัญลักษณ์ความรุ่งโรจน์แห่งอุตสาหกรรมของสหราชอาณาจักร ที่ครั้งหนึ่งเคย ผลิตพลังงานไฟฟ้า เพื่อส่งต่อ ความสว่างไสว ให้ชาวเมืองลอนดอน ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1935

โดยตัวอาคารเดิม เป็น สถาปัตยกรรมอิฐ สูงใหญ่ เป็นวัสดุหลัก เสริมโครงสร้างเหล็ก ภายนอก ใช้ปูนมอร์ตาร์เพื่อให้ รูปลักษณ์ของโรงไฟฟ้า ลดความเป็น ‘อุตสาหกรรม’ บน อาคารขนาดมหึมา ริมแม่น้ำ

พร้อมสร้างความ ‘เป็นมิตร’ ทางสายตา แก่ผู้พบเห็นมากขึ้น ที่โดดเด่นคือ ไอคอนสำคัญอย่าง ปล่องไฟขนาดใหญ่ทั้ง 4 ปล่องที่มี ควันไฟ พวยพุ่ง ก่อนปิดตัวลงอย่างถาวร ในปี ค.ศ.1983

อย่างไรก็ตาม รูปแบบสถาปัตยกรรม ของ The Battersea Power Station ได้รับการพิสูจน์ ด้านคุณค่าด้านสถาปัตยกรรม

เปิด 5 โครงการระดับโลก กับ แนวคิดฟื้นชีวิตเมือง ด้วย สถาปัตย์ฯ สีเขียว
โครงการ Battersea Power Station ปี ค.ศ. 1935

โดยในปี ค.ศ. 2007 The Battersea Power Station ได้รับเลือกให้เป็น อาคารอนุรักษ์ Grade II และ Grade II* ปัจจุบัน ได้ถูกวางแผนพัฒนา เป็นแลนด์มาร์กขนาดใหญ่ เพื่อสร้างปรากฎการณ์ ครั้งสำคัญ และ พื้นที่ไลฟ์สไตล์แห่งใหม่ใ ห้กับชาวลอนดอน กับ โครงการมิกซ์ยูส ที่มีมูลค่าการลงทุนกว่า 1.65 หมื่นล้านเหรียญ (ประมาณ 570,000 ล้านบาท)

ซึ่งประกอบด้วย ที่อยู่อาศัย ศูนย์การค้า และสำนักงาน โดยมีระยะเวลาก่อสร้าง 7 เฟส จากปี ค.ศ. 2014 และ จะแล้วเสร็จ ปี ค.ศ. 2025 บนพื้นที่ก่อสร้าง กว่า 169,968 ตารางเมตร

ถือเป็นโครงการมิกซ์ยูส ที่ใหญ่ที่สุด และ ยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ ที่เชื่อมต่อกับ พื้นที่ประวัติศาสตร์รอบมหานครลอนดอน อีกด้วย

พื้นที่ของ โครงการฯ ถูกแบ่งออกเป็นส่วนต่างๆ ได้แก่ ศูนย์การค้า ตั้งอยู่บริเวณชั้ นล่างของโครงการ ศูนย์ความบันเทิงต่างๆ อย่าง โรงภาพยนตร์ และ โถงจัดกิจกรรม ขนาดใหญ่ อยู่บริเวณชั้น 2

และมี สำนักงานต่างๆ โดยพื้ นที่ชั้น 6 จะเป็นส่วนของ สำนักงาน Apple ด้านบนสุด ของตัวอาคาร จะเป็นพื้นที่อยู่อาศัย

และ พื้นที่ปล่องไฟ ได้เปลี่ยนเป็น ปล่องลิฟต์ ที่นำผู้คนขึ้นไป สู่ลานโล่ง ณ ปลายปล่อง เพื่อชมวิวของเมืองลอนดอน

นอกจากนี้ บริเวณดาดฟ้า โครงการได้ปรับเป็น  สวนลอยฟ้า รวบรวมพันธุ์ไม้กว่า 55 ชนิด ขนาด 29,000 ตารางเมตร เพื่อให้ ชาวเมืองได้ใช้ประโยชน์สูงสุด และ เชื่อมโยงระหว่างโครงการ ผู้คน และเมืองลอนดอนได้เป็นอย่างดี 

เปิด 5 โครงการระดับโลก กับ แนวคิดฟื้นชีวิตเมือง 

The Refinery at Domino โรงน้ำตาล ที่กลายมาเป็น อาคารเขียว 

เปิด 5 โครงการระดับโลก กับ แนวคิดฟื้นชีวิตเมือง ด้วย สถาปัตย์ฯ สีเขียว
The Refinery at Domino – นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา

The Refinery at Domino – นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา

พัฒนา โดย Two Trees Management

บรูคลิน หนึ่งในโบโรห์ของมหานครนิวยอร์ก ‘เมืองหลวงของโลก’ คือ เขตที่มีชื่อเสียงในฐานะเขตธุรกิจและเขตที่อยู่อาศัย ที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา และ ความหลากหลายของ ผู้คนและวัฒนธรรม

รวมไปถึง สถาปัตยกรรมเก่าแก่ ที่มีเอกลักษณ์มากมาย หนึ่งใน สถาปัตยกรรมเก่าแก่เ หล่านั้น คือ อาคาร Domino Sugar Refinery ซึ่งตั้งอยู่ ริมแม่น้ำอีสต์ ย่านวิลเลียมสเบิร์ก ในบรูคลิน เดิมได้ ก่อสร้างขึ้นเป็น โรงกลั่นน้ำตาล

ในปี ค.ศ. 1856 โดยบริษัท Domino Foods บริษัทน้ำตาล ที่มีอิทธิพล             มากที่สุด ในสหรัฐอเมริกา ในช่วงศตวรรษที่ 19  โดยพื้นที่ บริเวณริมแม่น้ำอีสต์ นับเป็น จุดยุทธศาสตร์สำคัญ ของธุรกิจ             ซึ่ง ณ เวลานั้นใช้การขนส่งทางน้ำ เป็นหลัก

เปิด 5 โครงการระดับโลก กับ แนวคิดฟื้นชีวิตเมือง ด้วย สถาปัตย์ฯ สีเขียว
The Refinery at Domino ปี ค.ศ. 1856

ต่อมา ความต้องการน้ำตาล ลดลง ทำให้ปิดตัวลงในปี ค.ศ. 2004  ด้วยสถาปัตยกรรม ของฟาซา ในยุค โรมาเนสก์ จึงถูก อนุรักษ์ไว้ และ กลายเป็นหนึ่งใน อาคารที่เก่าแก่ที่สุด ในนิวยอร์ก

ต่อมาในปี ค.ศ. 2014  แผน การคืนชีวิตให้แก่ พื้นที่นี้ ในฐานะ โครงการมิกซ์ยูสแห่งใหม่ ‘The Refinery at Domino’  จึงเริ่มขึ้น  โดยบริษัท Two Trees Management

โครงการดังกล่าว มูลค่าการลงทุน กว่า 3 หมื่นล้านเหรียญ (ประมาณ 1 ล้านล้านบาท) ถูกออกแบบ ให้มีทั้งส่วนของร้านค้า อพาร์ตเมนต์ จำนวน 3,415 ยูนิต อาคารสำนักงาน ขนาด 43,000 ตารางเมตร และ พื้นที่สาธารณะ สีเขียวแม่น้ำ ขนาด 20,000 ตารางเมตร พื้นที่ใช้สอยรวม กว่า 330,000 ตารางเมตร

โดยพื้นที่ยังถูก ออกแบบ ให้สามารถเชื่อมต่อ กับ ถนน ได้โดยง่าย เพื่อเพิ่ม accessibility ให้แก่ พื้นที่ที่ต้องการสร้างความกลมกลืน ระหว่าง โครงการฯ และ ชุมชนเข้าด้วยกัน

สำหรับ ตัวโครงการ แบ่งออกเป็น 5 อาคาร โดยมีอาคาร Refinery ที่เป็น อาคารสำนักงาน ที่โดดเด่นด้วยการผสมผสานงานศิลปะ เพื่อให้อาคารกระจก กลมกลืนกับ ฟาซาดอิฐ ของ โรงงานกลั่นน้ำตาล

ด้านใน เสริม ความทันสมัย ด้วยโดมเรือนกระจก ในส่วนของ ‘The Vault’ พื้นที่ Multi-use วางดีไซน์ไว้ชั้นบนสุดสูงถึง 9 เมตร มอบวิวท้องฟ้า และ ทิวทัศน์ ของแม่น้ำอีสต์แบบ 360องศา โดยตัวอาคาร นับเป็น จุดศูนย์กลาง ที่ถูกห้อมล้อมด้วย อาคารสำหรับที่อยู่อาศัย ร้านค้า โรงเรียน ฟิตเนส co-working space และ มีพื้นที่ริมน้ำสาธารณะ วางให้เป็น ลานวิ่งออกกำลังกาย เครื่องเล่นสำหรับเด็ก และ สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนทุกเพศ ทุกวัย และทุ กไลฟ์สไตล์

กลายเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของชาวนิวยอร์ก โดยโครงการนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ ในปี ค.ศ. 2030

เปิด 5 โครงการระดับโลก กับ แนวคิดฟื้นชีวิตเมือง

Azabudai Hills จากชุมชนเก่า สู่ ชุมชนสีเขียว

เปิด 5 โครงการระดับโลก กับ แนวคิดฟื้นชีวิตเมือง ด้วย สถาปัตย์ฯ สีเขียว
Azabudai Hills – กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

Azabudai Hills – กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

พัฒนา โดย Mori Building

ท่ามกลางการเติบโตที่ ไม่หยุดนิ่ง ของมหานครโตเกียว ยังมีพื้นที่ ที่กำลังรอการพัฒนา อยู่อย่างย่าน Toranomon-Azabudai พื้นที่ รอบนอกของเมือง ที่เต็มไปด้วยบ้านไม้ และ อาคารเก่า ที่รอคอยการเปลี่ยนแปลง

เปิด 5 โครงการระดับโลก กับ แนวคิดฟื้นชีวิตเมือง ด้วย สถาปัตย์ฯ สีเขียว
ชุมชน Azabudai Hills ก่อนการปรับปรุง

โดย Mori Building ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ได้ร่วมมือกับ รัฐบาลญี่ปุ่นและชุมชน ในพื้นที่ โดยใช้เวลามากกว่า 30 ปี ในการวางแผน เพื่อยกระดับพื้นที่ สู่มิติใหม่ ด้วยการสร้างสรรค์ โครงการมิกซ์ยูส ภายใต้ คอนเซ็ปต์ ‘Modern Urban Village’ ที่มีหัวใจ สำคัญ อยู่ที่ การสร้างหมู่บ้านในพื้นที่ เมืองสมัยใหม่ ที่ห้อมล้อมด้วยธรรมชาติ และ พื้นที่สีเขียวมากกว่า 20,000 ตารางเมตร เปรียบเสมือน โอเอซิสคลายร้อนกลางเมือง ที่เต็มไปด้วย ต้นไม้ ดอกไม้ และสายน้ำ เป็นต้น

ความโดดเด่นของ โครงการ Azabudai Hills คือ อาคารที่อยู่อาศัย 4 อาคาร รวมจำนวน กว่า 1,400 ยูนิต พื้นที่ใช้สอยรวม 860,400 ตารางเมตร มูลค่าการลงทุน กว่า 4.4 หมื่นล้านเหรียญ (ประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท) ที่กระจายตัว อยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ซึ่ง ภายในพื้นที่ ของแต่ละอาคารจะมี Center Court เป็นพื้นที่ มิกซ์ยูสที่นำเสนอไลฟ์สไตล์ แตกต่างกัน

ทั้งพื้นที่ เชิงพาณิชย์ พื้นที่ อาคารสำนักงาน พื้นที่โรงแรม พื้นที่สำหรับ เล่นกีฬาและสันทนาการ รวมไปถึง พื้นที่จัดแสดงศิลปะ และ วัฒนธรรม เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมอบความเชื่อมโยง ของ             คอมมิวนิตี้ ภายในโครงการฯ ด้วยการ เชื่อมต่อของพื้นที่ แบบ Walkable design ที่ทำให้ สามารถเดินถึงกัน ได้อย่างสะดวกสบายไร้รอยต่อ

นอกจากนี้ ภายในโครงการฯ ยังมีพื้นที่ ศูนย์เวชศาสตร์ป้องกัน ‘Keio University Center for Preventive Medicine’ ที่ให้ความรู้ และ ออกแบบกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพ เพื่อคนในชุมชน อาทิ ฟิตเนส สปา ร้านอาหารเพื่อสุขภาพ พื้นที่พืชสวนครัว และตลาดผักและผลไม้สด

สำหรับภายนอก โครงการฯ ยังรายล้อม ด้วยสถานที่สำคัญและจำเป็นต่อไลฟ์สไตล์ ทั้งโรงแรมชั้นนำ สถานพยาบาล และโรงเรียนนานาชาติ

รวมทั้งสามารถเดินทางเชื่อมต่อสู่พื้นที่อื่นๆ ด้วยระบบสถานีรถไฟใต้ดินที่ตั้งอยู่ข้างโครงการฯ 2 สาย ทั้งสาย Tokyo Metro Namboku Line และสาย Tokyo Metro Hibiya Line

Tian An 1000 Trees เปลี่ยนโรงงาน โกดัง เป็น “ป่าในเมือง”

เปิด 5 โครงการระดับโลก กับ แนวคิดฟื้นชีวิตเมือง ด้วย สถาปัตย์ฯ สีเขียว
Tian An 1000 Trees – มหานครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ปัจจุบัน ภายใต้แนวคิดสีเขียว

Tian An 1000 Trees – มหานครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน

พัฒนา โดย Tian An China Investment​

นครเซี่ยงไฮ้ หนึ่งในสี่ นครปกครองโดยตรง ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งได้รับ การจัดอันดับเป็นหนึ่ง ในเมืองที่พัฒนา มากที่สุดในโลก และ หนึ่งในศูนย์กลาง ทางเศรษฐกิจ ที่ใหญ่ที่สุด ของโลกนั้น

ในช่วงปี ค.ศ. 1930 เคยเป็น จุดยุทธศาสตร์  ด้านการขนส่ง และ เป็นที่ตั้งของ โกดังและโรงงาน จำนวนมาก เพื่อใช้ ประโยชน์จากการที่มี Suzhou Creek หรือ แม่น้ำอู่ซ่ง ไหลพาดผ่าน เมืองเซี่ยงไฮ้ ที่ช่วยรองรับการขนส่งสินค้าไปยัง ตัวเมืองชั้นในของประเทศจีน

ในเวลาต่อมา จากการขยายตัว ของเมืองที่มี ผู้คนย้ายเข้ามาอาศัยอยู่มาก ขึ้นเรื่อยๆ โรงงานเหล่านี้ จึงได้ย้ายออกไปตั้งที่อื่น เหลือทิ้ง ไว้เพียง เศษซากอาคารโรงงาน และ โกดังริมแม่น้ำ

เมื่อเวลาผ่านไป ซากอุตสาหกรรม และ น้ำเสีย จากการขยายตัวของเมือง ก็ได้สร้างมลพิษ ให้แก่ แม่น้ำอู่ซ่ง เป็นอย่างมาก

เปิด 5 โครงการระดับโลก กับ แนวคิดฟื้นชีวิตเมือง ด้วย สถาปัตย์ฯ สีเขียว
Tian An 1000 Trees ใน ปี ค.ศ. 1930

ในปี ค.ศ. 1992 รัฐบาลประชาชน เทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ จึงได้ริเริ่ม โครงการพัฒนาเมืองในแถบนี้ จนเกิดเป็นโครงการ Suzhou Creek Rehabilitation ในปี ค.ศ. 1998 เพื่อพัฒนาพื้นที่ ริมแม่น้ำที่มี ความยาวกว่า 40 กิโลเมตร สายนี้

โดย โครงการ Tian An 1000 Trees เริ่มต้นก่อสร้างในปี ค.ศ. 2014 และ ด้วยแรงบันดาลใจ จากทัศนียภาพ ที่สวยงามของ เทือกเขาหวงซาน โครงการแห่งนี้ จึงมีสถาปัตยกรรม คล้ายภูเขาสวยงามแปลกตา ทว่า มีความลื่นไหล และ ดูไร้ขอบเขต ที่ทุกองค์ประกอบรวมตัวเป็นหนึ่งเดียว จากโครงสร้างคล้ายเสากว่า 1,000 ต้น ที่ทุกต้นมีพืชพรรณปลูกบนยอดรวมกว่า 70 สายพันธุ์

Tian An 1000 Trees เป็นโครงการ มิกซ์ยูสที่มีพื้นที่กว่า 300,000 ตารางเมตร รายล้อมไปด้วยพื้นที่เชิงพาณิชย์ หลากหลายรูปแบบ เพื่อความต้องการ ของทุกๆ คน เช่น ร้านอาหาร คาเฟ่ สตรีทฟู้ด ซูเปอร์มาร์เก็ต  ไปจนถึง ร้านค้าระดับลักชูรี่ พื้นที่เพื่อความบันเทิง อย่าง โรงภาพยนตร์ ทั้งภายใน และ ภายนอกอาคาร พื้นที่สำนักงาน และโรงแรม บูทีคหรู ที่มอบวิวสวน และ วิวแม่น้ำอู่ซ่ง ที่สวยงามสุดสายตา

นอกจากไลฟ์สไตล์ สมัยใหม่แล้ว ผู้มาเยือนจะยังได้สัมผัสกับ ประสบการณ์รูปแบบใหม่ ผ่านไฮไลต์สำคัญอย่าง M50 Arts District เขตศิลปะร่วมสมัย ที่จัดแสดงศิลปะ จากทั่วโลก และ เป็นที่ตั้งของสตูดิโอศิลปะนับร้อยแห่ง ซึ่งได้รับ การยกย่องทัดเทียมกับ ย่านโซโห ของนครนิวยอร์ก และ 798 Art Zone ของกรุงปักกิ่ง

รวมไปถึง การอนุรักษ์อาคารเก่าแก่บางส่วนที่มีมาแต่เดิม อย่าง โรงโม่แป้งฟู่เฟิง (Fufeng Flour Mill) และ โกดังเก็บของเก่า ด้วยแนวคิด ของการฟื้นคืนชีวิต เพื่อแสดงความเคารพ ต่อ วัฒนธรรมที่รุ่มรวยของ เซี่ยงไฮ้ในอดีต

โครงการ Tian An 1000 Trees จึงเป็นมากกว่า โครงการพัฒนาทั่วไป คือ เป็นโครงการที่นำธรรมชาติ กลับคืนมาสู่ มนุษย์ ที่แสดงออกถึง ชีวิตชีวา และ ความอบอุ่น ของสายสัมพันธ์ ที่กลมเกลียวระหว่าง มนุษย์กับธรรมชาติ มาตั้งแต่อดีตกาล เกิดเป็นโอเอซิสสีเขียวแห่งใหม่ ที่จะเป็นปอดของเมือง และ เป็นที่นัดพบแห่งใหม่ของชาวเซี่ยงไฮ้และนักท่องเที่ยว

Dusit Central Park กรีนแลนด์มาร์คใหม่ของ “สีลม”

Roof Park of Dusit Central Park
Roof Park ของ Dusit Central Park พื้นที่สีเขียวใหม่ ใจกลาง “สีลม”

Dusit Central Park – กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย  

พัฒนา โดย บริษัท วิมานสุริยา จำกัด 

“สีลม” คือ 1 ใน 3 ของถนนสายแรก ที่ก่อสร้างขึ้นในกรุงเทพฯ เส้นทางแห่งการค้า และ พาณิชย์ของ ชาวต่างชาติ ตลอดจนเป็นที่อยู่อาศัยของชนชั้นสูงของไทย ดังนั้น บนพื้นที่แห่งนี้ จึงเต็มไปด้วย บ้านไม้สไตล์ฝรั่ง ที่สวยงาม รวมไปถึงโบสถ์ โรงเรียนคริสเตียน และ ยุคสมัยของรถราง ที่เข้ามาช่วยเรื่องความสะดวกสบาย ในการสัญจรมากขึ้น

ต่อมาด้วยวิสัยทัศน์ของ รัชกาลที่ 6 ได้มีการสร้างสวนสาธารณะ “สวนลุมพินี” ขึ้นเป็นสวนสาธารณะ แห่งแรกของประเทศไทย ทำให้เกิด การเปลี่ยนแปลงเชิงพาณิชย์ ทั้งการก่อสร้างอาคารสูง 3 – 5 ชั้น จนถึง 10 ชั้น และ การเข้ามาของบริษัทข้ามชาติมากมาย จนถูก ขนานนามว่าเป็น “วอลล์สตรีท” ของประเทศไทย

Dusit Central Park
โรงแรม ดุสิตธานี ในอดีต

และถูกพัฒนาจนกลาย เป็นจุดยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ และ ไลฟ์สไตล์ ที่มีความหลากหลาย สำหรับทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ สิ่งหนึ่ง ที่สำคัญ ที่ยังคงอยู่ เมื่อมีการพัฒนาในแต่ละยุคสมัย นั่นคือ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ ด้วย ความสูง 23 ชั้น ทำให้เป็น อาคารที่สูงที่สุดในประเทศไทย ณ ขณะนั้น

และเป็นสัญลักษณ์ของยุคสมัยใหม่ ที่โดดเด่นเป็นสง่า และ อยู่เคียงคู่คนไทย จนเป็นแลนด์มาร์กสำคัญใจกลางกรุงเทพฯเป็นหนึ่งในโครงการที่คอยต้อนรับคนไทยและต่างชาติ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของถนนสีลมเสมอมา

ปัจจุบัน โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ ได้ก้าวข้ามแต่ยังคงสานต่อความงดงามของไทย สู่ การพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส ที่ไม่เหมือนใครด้วยแนวคิด Here for Bangkok สร้างสรรค์บริบทใหม่ แห่งการใช้ชีวิตของคนเมือง และ นำกรุงเทพฯ ไปสู่ยุคสมัยใหม่ อีกครั้ง ด้วยความมุ่งมั่น ในพัฒนาเพื่อให้กรุงเทพฯ เป็นมหานคร ที่ดีสุดอีกแห่งหนึ่งของโลก

Dusit Central Park
Dusit Central Park ในปัจจุบัน

บนพื้นที่กว่า 23 ไร่ (440,000 ตารางเมตร) มูลค่าโครงการรวม 46,000 ล้านบาท โดยความร่วมมือระหว่าง บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ประกอบไปด้วย 4 ส่วนหลัก ได้แก่

  • Dusit Thani Bangkok โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ โฉมใหม่ หรูระดับ 5 ดาว บนตึกความสูง 39 ชั้น ที่มอบ ประสบการณ์พักผ่อนเหนือระดับในภาพลักษณ์ใหม่ ด้วยความหรูหราอันมีเอกลักษณ์ของห้องพักและห้องสวีท 257 ห้อง เบื้องหน้าทัศนียภาพอันงดงามของ สวนลุมพินีและขอบฟ้า กรุงเทพมหานคร

โดยได้เปิดต้อนรับแขกให้เข้ารับบริการแล้วเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา

  • The Residences at Dusit Central Park โครงการที่อยู่อาศัยระดับ อัลตร้าลักชัวรี่ ที่นำเสนอลีฟวิ่งไลฟ์สไตล์ 2 รูปแบบภายใน อาคารเดียว ทั้ง Living Concept เป็น Dusit Residences (ดุสิตเรสซิเดนเซส) และ Dusit Parkside (ดุสิตพาร์คไซด์) ที่โดดเด่นด้วยการดีไซน์ที่ผสมผสานกับศาสตร์ของฮวงจุ้ยที่คำนึงถึงแสงและทิศทางลม                   เป็นอย่างดี มาพร้อมการรองรับด้วย Branded Residences การบริการเหนือระดับแบบGracious Hospitality และมาตรฐานรับรองอาคารเขียวระดับโลก LEED Gold V.4.1 Residence Multi-Family เป็นอาคารที่พักอาศัยแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้รับมาตรฐานรับรองนี้ และด้วยความสูงถึง 299 เมตร จึงเป็นอาคารที่สูงที่สุด 1 ใน 5 ของประเทศไทย รับรองโดย สภาตึกสูงและที่อยู่อาศัยในเมือง CTBUH
  • Central Park Offices ตึกออฟฟิศระดับพรีเมี่ยม ของคนเมืองที่เต็มไปด้วยสีสันและนวัตกรรมอันทันสมัย บนทำเล Super Core CBD ดีที่สุดใจกลางเมือง พร้อมมอบคุณภาพชีวิตเหนือระดับ The Future Work/Life for Global Visionaries
  • และพื้นที่เชิงพาณิชย์ Central Park Retail ศูนย์การค้าคอนเซ็ปต์ใหม่ ที่รวบรวมแบรนด์ชั้นนำทั้งจากในไทยและแบรนด์ระดับโลก พร้อมทั้งมุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ไลฟ์สไตล์ที่ผสมผสาน Curated Experience เข้ากับ Park Life เพื่อสร้างสรรค์ The New Luxury คอนเซ็ปต์ใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยทั้ง Central Park Offices และ Central Park Retail จะเปิดให้บริการภายในปีนี้

นอกจากนี้ ยังได้มอบพื้นที่สีเขียว คือ สวนสาธารณะ          ลอยฟ้าขนาดใหญ่ 7 ไร่ (11,200 ตารางเมตร) “Roof Park” ที่มี พรรณไม้ทั้งน้อยใหญ่ ที่โครงการฯ ได้ศึกษาและคัดเลือกมาเป็นอย่างดี ที่ถูกออกแบบให้เป็นโอเอซิสสีเขียวขนาดใหญ่แลดูคล้ายเนินเขาที่ตั้งอยู่ ใจกลางเมือง ที่เมื่อมองลงมาจากยอดจะพบกับทัศนียภาพที่สวยงามและรื่นรมย์ของสีเขียวที่เชื่อมต่อกับสวนลุมพินี อย่างไร้ที่สิ้นสุด (Infinity Park) ซึ่

งภายในมีพื้นที่กิจกรรม อาทิ Natural Trail และ Jogging Track รวมไปถึงจุดสันทนาการรูปแบบต่างๆ เช่น อัฒจันทร์ สนามเด็กเล่น Food Passage พื้นที่ปิกนิก และพื้นที่สำหรับจัดอีเวนต์ โดยวางจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นการยกระดับมาตรฐานชีวิตของสังคมเมืองผ่านการสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) และนิเวศเมือง (Urban Ecology) ที่มอบความสุขและสุขภาพที่ดีให้แก่คน และเพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อสร้างคุณภาพเมือง ที่จะเปิดให้บริการภายในปี 2568

แนวคิดในการปรับโฉมทั้ง อาคาร ชุมชน โดยคงสถาปัตยกรรมเดิม เพิ่มเติมคือ เติมเต็มชีวิต โดยเฉพาะการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในแต่ละพื้นที่ของแต่ละเมือง สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดในการพัฒนาอาคาร โครงการ และชุมชน ในปัจจุบันและอนาคต ที่นอกจากจะให้ความสำคัญในเชิงพาณิชย์แล้วแล้ว ยังต้องให้ความสำคัญในเรื่องของ สังคม และ สิ่งแวดล้อม เป็นแนวคิดในการสร้างโครงการอย่างยั่งยืน ที่ผู้เขียนเชื่อว่าจะเกิดขึ้นต่อไปในปัจจุบันและอนาคต

ที่มาของข้อมูล : https://www.dusit.com/dusitthani-bangkok/th/main/

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : https://bangkokx.me/property-megatrend-20122024/

Ellipse 1
กองบรรณาธิการ Bangkok X

บทความที่เกี่ยวข้อง