
รถไฟฟ้า สายสีเทา ดันราคาที่ดิน ย่านวัชรพล – ประดิษฐ์มนูธรรม พุ่งแตะ 420,000 บาทต่อตารางวา ในขณะที่ ราคาที่อยู่อาศัย เฉลี่ย ปรับตัวเพิ่มขึ้น 20-25 %
“แอล ดับเบิลยู เอสฯ” จับมือ “โปรสเปคฯ” สำรวจราคาที่ดิน และที่อยู่อาศัย จุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และสายสีเทา (วัชรพล-ทองหล่อ) พบว่า ราคาที่ดินติดถนนใหญ่ ย่านวัชรพล – ประดิษฐ์มนูธรรม ราคาขายขึ้น ไปแตะ 420,000 บาท ต่อตารางวา
ปริสุทธิ์ รอดจากภัย ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัท โปรสเปค แอพเพรซัล จำกัด เปิดเผยว่า บริษัท ได้ร่วมกับ บริษัท แอล ดับเบิลยู เอส วิสดอม แอนด์ โซลูชั่นส์ จำกัด (LWS)บริษัท วิจัย และพัฒนา อสังหาริมทรัพย์ ในเครือ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
สำรวจราคาที่ดิน และที่อยู่อาศัย ในทำเล วัชรพล – ประดิษฐ์มนูธรรม ในช่วงเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา
ซึ่ง ทำเลดังกล่าว เป็นทำเลที่มีแผน ในการก่อสร้าง รถไฟฟ้าสายสีเทา (วัชรพล-ทองหล่อ) เชื่อมต่อกับ รถไฟฟ้า สายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) ในรัศมี 2 กิโลเมตร พบว่า
ราคาที่ดิน และ ราคาที่อยู่อาศัย ติดแนวถนนใหญ่ มีการปรับตัว เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ ปี 2560 ถึงปัจจุบัน
โดยราคาที่ดิน ที่ติดถนนใหญ่ ปรับตัว จาก ราคาขาย เฉลี่ยที่220,000-270,000 บาท ต่อ ตารางวา ในปี 2560 มาอยู่ที่ 390,000-420,000 บาท ต่อ ตารางวา ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2567 หรือ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 55-77% เมื่อเทียบกับปี 2560 หรือ ปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ย10% ต่อปี
รถไฟฟ้า สายสีเทา ดันราคาที่ดิน ย่านวัชรพล ในซอย เฉลี่ยอยู่ที่ 100,000 – 190,000 บาท ต่อ ตรว.
ในขณะที่ ราคาที่ดินที่อยู่ในซอย มี ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 100,000-190,000 บาท ต่อตารางวา ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2567 จาก ราคาขายเฉลี่ยที่ 70,000 – 100,000 บาท ต่อตารางวา ในปี 2560 หรือ ราคาปรับเพิ่มขึ้น 40-100% เมื่อเทียบกับ ปี 2560
เช่นเดียวกับราคาที่อยู่อาศัยในทำเลนี้ มีการปรับราคาเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะ บ้านพักอาศัย ที่ราคาขายเฉลี่ย ณ วันที่31 พฤษภาคม 2567 อยู่ที่ 2.5 – 7.8 ล้านบาทต่อหน่วย จากราคาขายเฉลี่ย 2.3-7 ล้านบาท ต่อ หน่วย ในปี 2558 หรือ ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 4% ต่อปี
ส่วนราคาอาคารชุดพักอาศัย พบว่า อาคารชุดพักอาศัยที่อยู่ ในซอย ราคาขายมือสอง จะมี การปรับ ราคาลดลงเฉลี่ย ประมาณ 3% โดย ราคาขายอาคารชุดพักอาศัย ในซอย ในทำเลนี้ จะอยู่ที่ 1.3 – 1.9 ล้านบาท ต่อ หน่วย
โดยมี ขนาดห้อง ประมาณ 23 – 46 ตารางเมตร ปรับลดลง จากราคาขายที่ 1.7 – 2.3 ล้านบาท ในปี 2558
ในขณะที่ ราคาอาคารชุดพักอาศัย ที่อยู่ติดถนนใหญ่ ใกล้สถานีรถไฟฟ้า จะอยู่ที่ 2.2-2.8 ล้านบาท ต่อ หน่วย ณ วันที่ 31 พฤษภาคม2567 ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากราคาขายเฉลี่ย ที่ 1.7-2.6 ล้านบาท ต่อหน่วย
โดยมี ขนาดห้อง ประมาณ 39-49 ตารางเมตร ต่อหน่วย ในปี 2560 หรือ ปรับขึ้น เฉลี่ย 3% ต่อปี
“ราคาอาคารชุด ในซอย ปรับตัวลดลง เนื่องจาก ราคาขาย อาคารชุด ที่ติดถนนใหญ่ ใกล้สถานีรถไฟฟ้า สูงกว่า ราคาของ อาคารชุดภายในซอย ไม่มาก
ทำให้ ผู้ซื้อส่วนใหญ่ เลือกที่ จะซื้อ อาคารชุดมือสอง ที่อยู่ ติดถนนใหญ่ มากกว่า ที่จะซื้อ อาคารชุดที่อยู่ในซอย เพราะ จ่ายเพิ่มขึ้น ไม่มาก แต่ การเดินทางสะดวกกว่า” ปริสุทธิ์ กล่าว
ทำเลศักยภาพ สำหรับที่อยู่อาศัย

“ถึงแม้ ระดับราคาที่ดิน ในทำเลนี้ จะมี การปรับตัว เพิ่มขึ้น อย่างต่อเนื่อง จากการ พัฒนาสิ่งอำนวย ความสะดวก รวมทั้ง การคมนาคม ที่มีรถไฟฟ้า ผ่านถึง สองสาย คือ สายสีเหลือง และ สายสีเทา ที่อยู่ระหว่าง การก่อสร้างก็ตาม
แต่ทำเลนี้ เป็น ทำเลที่มีศักยภาพ สำหรับ การพัฒนา โครงการ ทั้งโครงการ ในเชิงพาณิชย์ และ โครงการที่อยู่อาศัย
เนื่องจากเป็น ทำเลที่ เรียกว่าศูนย์กลางธุรกิจใหม่ หรือ New Central Business Districts เพราะ พื้นที่โดยรอบ ทำเล มีแหล่งงาน และ มีสิ่งอำนวยความสะดวก ที่ตอบโจทย์ กับ รูปแบบ การใช้ชีวิต ของคนทุกวัย อาทิ
ห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ สถานศึกษา โรงพยาบาล ฯลฯ” ประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ LWS กล่าว
จากข้อมูล สถิติประชากร ในพื้นที่ เขตวังทองหลาง ของ กรมการปกครอง กระทรวง มหาดไทย พบว่า มี จำนวนประชากร ในพื้นที่ ทั้งหมด 103,456 คน มี จำนวน ที่อยู่อาศัย ที่จดทะเบียน 64,542 หลัง
ยังไม่รวม ประชากรแฝง ในพื้นที่ ที่คาดว่า จะมี ไม่น้อยกว่า 100,000 คน รายได้ ของ ประชากร ในพื้นที่
จากผล การสำรวจ ของ Jobthai.com พบว่า ในทำเลนี้ มีการประกาศ รับสมัครพนักงาน ที่มี ฐานเงินเดือน ตั้งแต่ 9,500-45,000 บาท ต่อ เดือน ถือว่าเป็น กลุ่มประชากร ที่มีรายได้ ระดับกลาง ถึง สูง
มีศักยภาพ ในการที่จะ ซื้อที่อยู่อาศัย ได้ใน ระดับราคา 2.5-3 ล้านบาท ต่อ หน่วย ยังไม่นับรวม ผู้ประกอบการ ขนาดกลาง และ เล็ก ที่อยู่ในทำเล ย่านทาวน์อินทาวน์ ที่มี รายได้เฉลี่ย ไม่น้อยกว่า 100,000 บาท ต่อเ ดือน ถือเป็น กลุ่มประชากร ที่มีกำลังซื้อสูง
ร่างผังเมืองใหม่ เพิ่มศักยภาพทำเล พัฒนา “อาคารสูง”
ประพันธ์ศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “จากการวิจัย ของทีม LWS และ โปรสเปคฯ พบว่า ปัจจุบัน ผังเมือง ของทำเล นี้ ยังคง เป็น สีเหลือง ซึ่งทำให้ การใช้ประโยชน์ที่ดิน สามารถพัฒนา ได้เฉพาะ โครงการแนวราบ หรือ อาคารชุด ที่มี ขนาดพื้นที่ใช้สอย ไม่เกิน 10,000 ตารางเมตร
แต่อย่างไรก็ตาม ร่างผังเมืองใหม่ ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ ของ กรุงเทพมหานคร ที่คาดว่าจะ มีผลบังคับใช้ ในปี 2568 ทำเลนี้ จะเปลี่ยน เป็น สีส้ม หมายความว่า
สามารถที่จะ พัฒนาอาคารชุด ขนาดพื้นที่ ได้ตั้งแต่ 10,000 ตารางเมตร หรือ มากกว่าโดยมีเงื่อนไขที่ ที่ดิน ต้องอยู่ริมถนนใหญ่
จากแนวโน้ม ดังกล่าว จึงเป็นโอกาส สำหรับ ผู้ประกอบการอสังหาฯ ที่จะซื้อที่ดิน เพื่อ รอการพัฒนา เป็นที่อยู่อาศัย หรือ อาคารชุด ในทำเล ดังกล่าว โดยเฉพาะ อาคารชุด ระดับราคา 5-10 ล้านบาท และ บ้านพักอาศัย ที่ระดับราคา 40 ล้านบาท ต่อ หน่วย
สำหรับที่ดิน ที่อยู่ ติดถนนใหญ่ และ สามารถพัฒนา โครงการอาคารชุด ใน ระดับราคา 1.5-3 ล้านบาท ต่อ หน่วย และ บ้านพักอาศัย ที่ระดับราคา 10 ล้านบาท ขึ้นไป สำหรับที่ดินที่อยู่ในซอย”
“ภายใต้กรอบของ ผังเมืองปัจจุบัน การพัฒนา ที่อยู่อาศัย ในทำเลนี้ การพัฒนา โครงการ ในแนวราบ น่าจะตอบโจทย์ ได้มากกว่า การพัฒนา อาคารสูง
แต่ ถ้ารอให้มี การปรับ ผังเมืองใหม่ ในปี 2568 ก็เป็น โอกาสสำหรับ การพัฒนา อาคารชุดพักอาศัย หรือ การพัฒนาอาคาร ในเชิงพาณิชย์
เพื่อตอบโจทย์กับการขยายเมืองจากศูนย์กลางเศรษฐกิจเดิมในย่าน สุขุมวิท สีลม สาทร มาในทำเลนี้” ประพันธ์ศักดิ์ กล่าว
ในขณะที่ ปัจจุบันในทำเลนี้ มี อาคารชุดพักอาศัย ที่อยู่ระหว่างการขาย ทั้งสิ้น 1 โครงการ ชะลอ การขาย 1 โครงการ ทาง ผู้พัฒนาอสังหา ทะยอยคืนเงินลูกบ้าน ที่ได้ชำระเงิน ไปแล้ว โดยไม่มี การพัฒนาต่อ
จากที่ สำรวจ ในพื้นที่ 10 โครงการ คอนโดมิเนียม ในระยะ 2 กิโลเมตร คิดเป็น จำนวนหน่วย เหลือขาย 42 หน่วย ซึ่ง คาดว่า จะใช้เวลา ในการขาย อีกประมาณ 3-4 เดือน
และ มีบ้านพักอาศัย ที่อยู่ระหว่างการขาย ทั้งสิ้น 3 โครงการ คิดเป็น จำนวนหน่วย เหลือขาย 60 หน่วย จากที่ สำรวจ ในพื้นที่ 12 โครงการ ซึ่งคาดว่า
จะใช้เวลาในการขาย ประมาณ 3 ปี เนื่องจาก บ้านในพื้นที่ราคาค่อนข้างสูง ถึงสูงมาก
ที่มาของข้อมูล : www.lws.co.th
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : https://bangkokx.me/lws-premium-resident-3-locations/

Editor's Pick
